วันนี้ (29 เม.ย.2568) สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าไม่ให้สายการบินที่อินเดียเป็นเจ้าของหรือดำเนินการบินผ่าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
การตัดสินใจนี้เป็นการตอบโต้ที่รุนแรงต่อการที่อินเดียระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุปี 2503 และลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นจากเหตุกราดยิงนักท่องเที่ยว 26 รายในเมืองปาฮาลกัม รัฐจัมมูและแคชเมียร์ ฝั่งอินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. อินเดียกล่าวหาว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลังการโจมตีโดยกลุ่ม The Resistance Front (TRF) ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย Lashkar-e-Taiba ที่มีฐานในปากีสถาน ขณะที่ปากีสถานปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าให้การสนับสนุนเพียงด้านศีลธรรมและการทูตแก่ชาวแคชเมียร์
การปิดน่านฟ้าครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสายการบินอินเดียที่ต้องเผชิญกับความล่าช้า การยกเลิกเที่ยวบิน และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
การปิดน่านฟ้าปากีสถานกระทบสายการบินอินเดียอย่าง Air India, IndiGo, SpiceJet, Air India Express และ Akasa Air โดยเฉพาะเส้นทางจากเมืองทางตอนเหนือของอินเดีย เช่น เดลี มุมไบ ลัคเนา อัมริตสาร์ และชัยปุระ ไปยังยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง
เที่ยวบินจากเดลีไปนิวยอร์กของ Air India ต้องแวะเติมน้ำมันที่โคเปนเฮเกนหรือเวียนนา ทำให้ใช้เวลาเพิ่มขึ้น 4-6 ชั่วโมง ขณะที่ IndiGo ต้องยกเลิกเที่ยวบินไปยังอัลมาตีและทาชเคนต์ตั้งแต่วันที่ 27-28 เม.ย. จนถึงอย่างน้อย 7 พ.ค. เนื่องจากเครื่องบิน Narrow-body หรือเครื่องบินลำตัวแคบ ไม่สามารถบินในเส้นทางที่ยาวขึ้นได้
เที่ยวบินไปตะวันออกกลาง เช่น เดลี-ดูไบ ใช้เวลาเพิ่มขึ้น 1 ชั่วโมง - 2 ชั่วโมงครึ่ง และต้องบรรทุกน้ำมันเพิ่ม สายการบินอย่าง SpiceJet และ Air India Express รายงานว่าต้องลดน้ำหนักบรรทุกเพื่อรองรับเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารหรือสินค้าลดลง คาดว่ามีเที่ยวบินประมาณ 800 เที่ยวต่อสัปดาห์ของสายการบินอินเดีย จะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะจากท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ในเดลี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินที่พลุกพล่านที่สุดของอินเดีย
ผู้โดยสารต้องเผชิญกับความล่าช้าที่อาจทำให้พลาดการต่อเครื่อง โดยเฉพาะในเส้นทางยุโรปและอเมริกาเหนือ ค่าโดยสารคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8-12 เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ค่าโดยสารอาจพุ่งสูงกว่านี้ Air India และ IndiGo ได้ออกคำเตือนผ่านแพลตฟอร์ม X โดยแนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบสถานะเที่ยวบินและเสนอทางเลือกในการจองใหม่หรือคืนเงินเต็มจำนวนสำหรับเที่ยวบินที่ถูกยกเลิก SpiceJet ยังเพิ่มเที่ยวบินจากศรีนาการ์ไปเดลีเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบในแคชเมียร์ และให้การยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการจองใหม่หรือยกเลิกจนถึงวันที่ 30 เม.ย.
สายการบินอินเดียเผชิญกับความสูญเสียทางการเงินที่อาจสูงถึง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐในหนึ่งเดือน เนื่องจากเชื้อเพลิงคิดเป็นร้อยละ 30 ของต้นทุนการดำเนินงาน และการบินอ้อมผ่านทะเลอาหรับ มัสกัต หรือโดฮา เพิ่มระยะทางและค่าใช้จ่ายอย่างมาก

ในทางกลับกัน ปากีสถานเองก็สูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมการบินผ่าน ซึ่งคาดว่าอาจสูญเสียวันละ 232,000-300,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยอิงจากตัวเลขในปี 2562 ที่สูญเสีย 100 ล้านดอลลาร์ใน 5 เดือน นอกจากนี้ ปากีสถานยังปิดน่านฟ้าบางส่วนภายในประเทศ เช่น เส้นทางอิสลามาบัด-ลาฮอร์ ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย. เพื่อการทดสอบทางทหาร ซึ่งอาจกระทบเที่ยวบินภายในประเทศของสายการบินอย่าง Pakistan International Airlines (PIA)
สายการบินต่างชาติ เช่น Emirates, Qatar Airways และ Turkish Airlines ซึ่งยังคงบินผ่านน่านฟ้าปากีสถานได้ อาจได้เปรียบด้านเวลาและต้นทุน ทำให้สายการบินอินเดียเสียส่วนแบ่งตลาด
รัฐบาลอินเดีย โดยรัฐมนตรีการบินพลเรือน K Ram Mohan Naidu ระบุว่ากำลังทำงานร่วมกับสายการบินเพื่อประเมินผลกระทบและหาเส้นทางสำรอง เช่น การบินผ่านจีนหรือรัสเซีย แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านระยะทางและต้นทุน ขณะที่ปากีสถานยืนยันว่าการปิดน่านฟ้าจะมีผลจนถึงวันที่ 23 พ.ค. ตามประกาศ NOTAM ของสำนักงานการบินพลเรือนปากีสถาน แต่ระยะเวลาอาจขยายออกไปหากความขัดแย้งไม่คลี่คลาย
ความตึงเครียดยังคงเพิ่มขึ้น หลังจากกองทัพปากีสถานยิงโจมตีข้ามแนว Line of Control (LoC) เป็นวันที่ 6 ติดต่อกันโดยอินเดียตอบโต้อย่างหนัก สถานการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงความเสี่ยงของการลุกลาม โดยเฉพาะเมื่อทั้ง 2 ชาติเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์
การปิดน่านฟ้าครั้งนี้ไม่เพียงกระทบการเดินทางของผู้โดยสาร แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและปากีสถาน ซึ่งมีรากเหง้ามาจากข้อพิพาทแคชเมียร์ตั้งแต่การแบ่งแยกดินแดนในปี 2490 ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีการเจรจาทางการทูตหรือการแทรกแซงจากนานาชาติ เช่น ธนาคารโลกหรือสหประชาชาติ วิกฤตอาจลุกลามไปไกลกว่าการปิดน่านฟ้าและการระงับสนธิสัญญาน้ำ
ที่มา : Hindustan Times, CNBC, Bloomberg, Reuters, India Today, Indian Express
อ่านข่าวอื่น :