วันนี้ (29 เม.ย.2568) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงพื้นที่สุ่มตรวจการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ภาค 8 สอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน ระหว่างลงตรวจสอบจำนวนนักท่องเที่ยวกับการเก็บค่าธรรมเนียมว่าสอดคล้องสมดุลกันหรือไม่
นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 8 ให้ข้อมูลว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ ป.ป.ช.แบ่งงานกันทำ โดย ป.ป.ช.ภาค 8 ลงเกาะ ตรวจสอบจำนวนนักท่องเที่ยว ส่วน ป.ป.ช.ภาค 9 กับ ป.ป.ช.ส่วนกลาง ร่วมกันตรวจสอบจำนวนนักท่องเที่ยวกับรายการเก็บค่าธรรมเนียมว่าสอดคล้องกันหรือไม่
เบื้องต้นพบอุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน แจ้งมีเรือเข้าทั้งหมด 41 ลำ แยกเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 1,493 คน นักท่องเที่ยวชาวไทย 196 คน โดย ป.ป.ช.สุ่มตรวจเรือ 20 ลำ พบเรือไม่ได้แจ้งหรืออยู่ในระบบ 2 ลำ มีนักท่องเที่ยวอาศัยมากับเรือทั้ง 2 ลำรวม 89 คน ขณะที่การจัดเก็บแบ่งเป็นคนไทย 100 บาท ต่างชาติ 500 บาท จึงเตรียมนำข้อมูลส่งต่อให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตรวจสอบอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ชุดเฉพาะกิจฉลามอันดามัน ป.ป.ช. ลงสุ่มตรวจและนับเรือสปีดโบ๊ตนำนักท่องเที่ยวเข้ามาในเขตอุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน เป็นเวลา 4 ชั่วโมง พบมีเรือเข้ามา 59 ลำ แจ้งข้อมูลว่ามีนักท่องเที่ยวคนไทย 500 คน แต่จากการสังเกตของ ป.ป.ช. พบว่ามีคนไทยไม่ถึงร้อยละ 10 ส่วนที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ
อ่านข่าว : เปิดเบื้องหลัง-สั่งย้าย! หน.อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน หลังพบตั๋วไม่ตรงจำนวนนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อมูล มีการแจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน มากกว่า 40,000 คนต่อเดือน แต่ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งการสุ่มตรวจเพียงไม่กี่ชั่วโมงทำให้ทราบว่ารัฐสูญเสียการจัดเก็บรายได้ไปวันละ 200,000 บาท
กรมอุทยานฯ ยืนยันไม่มีเรือนอกระบบที่หมู่เกาะสิมิลัน
ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจงว่า อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แก่คณะทำงาน ป.ป.ช.ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบที่จุดตรวจเก็บค่าบริการและร่วมตรวจนับจำนวนเรือและนักท่องเที่ยวที่หน่วยพิทักษ์ฯ ที่ สล.1 (เกาะเมียง) และ สล.2 (เกาะสิมิลัน)
ทั้งนี้ได้ประสานงานและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากคณะทำงาน ป.ป.ช. ซึ่งได้รับแจ้งข้อมูลเรือที่อาจเป็นเป้าหมายในการตรวจสอบเพิ่มเติม จำนวน 3 ลำ ได้แก่ เรือ SAWANU TRAWEL มีนักท่องที่ยว 20 คน, เรือ พงษ์รัก มีนักท่องที่ยว 45 คน, เรือ แอดแวนเจอร์เวิลด์ เดอะนิวเอ็กพีเรียน มีนักท่องที่ยว 17 คน รวมนักท่องเที่ยวตามข้อมูลเบื้องต้น 82 คน

ภาพจาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ภาพจาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน ได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวกับระบบการจองและจำหน่ายบัตรค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) และข้อมูลการเข้าพื้นที่จริง พบว่า
ลำที่ 1 เรือที่ ป.ป.ช. แจ้งชื่อ "SAWANU TRAWEL" (20 คน) ตรวจสอบแล้วคือ เรือ "กะละมังดี 3" ของ บริษัท ชาวานู ทราเวล จำกัด มีการซื้อบัตร E-Ticket อย่างถูกต้องสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้ใหญ่ 20 คนและต่างชาติเด็ก 3 คน รวม 23 คน
ลำที่ 2 เรือที่ ป.ป.ช. แจ้งชื่อ "พงษ์รัก" (45 คน) ตรวจสอบแล้วคือ เรือ "ปุณณัตต์" ของ บริษัท อันดามันซีซัน จำกัด มีการซื้อบัตร E-Ticket อย่างถูกต้องสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้ใหญ่ 38 คน และต่างชาติเด็ก 7 คน รวม 45 คน (ทั้งนี้ชื่อเรือ "พงษ์รัก" อาจเกิดจากการอ่านชื่อเรือ "ปุณณัตต์" คลาดเคลื่อน)
ลำที่ 3 เรือที่ ป.ป.ช. แจ้งชื่อ "แอดแวนเจอร์เวิลด์ เดอะนิวเอ็กพีเรียน" (17 คน) ตรวจสอบแล้วคือ เรือ "อ.อริสรา 3" ของ บริษัท สยามแอดเวนเจอร์ เวิล์ด ทรานสปอร์ต จำกัด มีการซื้อบัตร E-Ticket อย่างถูกต้องสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้ใหญ่ 18 คน รวมจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 3 ลำ ที่ตรวจสอบแล้ว คือ 86 คน
กรมอุทยานฯ ยืนยันว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่พบว่ามีเรือนอกระบบ แต่เรือทั้ง 3 ลำดังกล่าวเป็นเรือนำเที่ยวที่ได้ซื้อบัตรค่าบริการผ่านระบบ E-Ticket ล่วงหน้ามาอย่างถูกต้องตามระเบียบ และเมื่อเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวที่จองผ่านระบบ E-Ticket กับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพื้นที่จริง พบว่ามีจำนวนตรงกัน พร้อมย้ำว่านักท่องเที่ยวทั้งหมดได้ชำระค่าบริการอย่างถูกต้อง
อ่านข่าว
ดีเดย์ 15 ต.ค.ใช้ E-Ticket 6 อุทยานฯ ทางทะเล
“ทราย สก๊อต” จ่อพ้นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ
เข้มผู้ประกอบการดำน้ำ ต้องมีผู้คุมนักท่องเที่ยว-ห้ามถ่ายภาพใต้น้ำ