พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่มาปักหลักรออยู่หน้าเพนตากอน ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเปลี่ยนแปลงกองทัพ รวมถึงห้ามเจ้าหน้าที่ข้ามเพศทำงานในกองทัพสหรัฐฯ ตลอดจนยกเลิกโครงการเพื่อความหลากหลาย เท่าเทียม และการมีส่วนร่วม หรือ DEI
โครงการ DEI มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในสถานที่ทำงานของผู้คนที่มาจากภูมิหลังที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ซึ่งการยกเลิกโครงการดังกล่าว เป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาหลักในการหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งเขาดำเนินการอย่างรวดเร็วเมื่อเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รัฐบาลของทรัมป์ อ้างว่า การถอนโครงการเหล่านี้ออกจากกองทัพสหรัฐฯ จะช่วยเพิ่มจำนวนการเกณฑ์ หรือรับทหารใหม่เพิ่มมากขึ้นได้ แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า กองทัพเคยพลาดเป้าการรับบุคลากรถึง 41,000 นายในปีงบประมาณ 2023
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้กองทัพกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของกองกำลังข้ามเพศและปรับปรุงแนวทางใด ๆ เกี่ยวกับประเด็นนี้ ซึ่งภายใต้คำสั่งนี้จะห้ามการใช้คำสรรพนามต่าง ๆ ทั่วทั้งกลาโหม และผู้ชายจะถูกห้ามไม่ให้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ที่กำหนดไว้สำหรับผู้หญิง
ขณะนี้ไม่ชัดเจนว่ามีบุคลากรข้ามเพศที่รับราชการในกองทัพสหรัฐฯ จำนวนเท่าใด แต่ก่อนหน้านี้นักวิจัยประมาณการว่าอยู่ที่ 9,000-15,000 คน และเมื่อปี 2017 Palm Center ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยอิสระ ประเมินว่า การยกเลิกหรือถอนเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นทหารข้ามเพศประมาณ 10,000 นายออกจากกองทัพ อาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 960 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 32,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังคาดว่าอาจมีการลงนามคำสั่งให้ทหารสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนโควิด-19 กลับเข้าประจำการอีกครั้ง ซึ่งทหารกลุ่มนี้จะได้ประดับยศคืน พร้อมเงินเดือนและสวัสดิการย้อนหลัง ซึ่งในช่วงที่ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่ง ทรัมป์ระบุว่าทหารสหรัฐฯ เหล่านี้ถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรม
ทหารสหรัฐฯ ประมาณ 8,000 นายถูกปลดประจำการ เนื่องจากปฏิเสธการฉีดวัคซีนระหว่างปี 2021-2023 โดยมีเพียง 43 นายเท่านั้นที่ได้คืนตำแหน่งก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าทำเนียบขาว
ขณะที่อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรายหนึ่ งระบุว่า การที่ทหารปฏิเสธที่จะฉีดวัคซีนเท่ากับเป็นการทำลายความเป็นระเบียบและวินัย ซึ่งการกลับมาประจำการของทหารกลุ่มนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวลและเกรงว่าการกระทำดังกล่าวอาจสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดี
สหรัฐฯ จับผู้ต้องสงสัยเข้าเมืองผิดกฎหมายแล้ว 538 คน
ส่วนสถานการณ์ภายหลังทรัมป์ประกาศเดินหน้านโยบายผู้อพยพ เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ หรือ ICE และเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลาง เข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งคาดว่าเป็นผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เริ่มเดินหน้าปราบปรามผู้อพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
ด้านโฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ICE เดินหน้าจับกุมผู้ต้องสงสัยไป 538 คนทั่วประเทศ ซึ่งส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา โดยค่าเฉลี่ยรายวันของหน่วยงานดังกล่าวในการเข้าจับกุมอยู่ที่ 311 คน ในปีงบประมาณ 2024 และ 467 คนในปีงบประมาณ 2023
ขณะที่ผู้อพยพกว่า 1,000 คนในเม็กซิโก รวมถึงชาวเวเนซุเอลาหลายคน ยังคงเดินเท้าออกจากเมืองทางตอนใต้ของเม็กซิโกเพื่อมุ่งหน้าไปยังสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวดภายใต้รัฐบาลของผู้นำคนใหม่
อ่านข่าว : จีนเปิด AI ตัวใหม่ "DeepSeek" เขย่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ