วันนี้ (24 ธ.ค.2567) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ปรับหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุข กรณีโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท)
อ่านข่าว สปสช.ชะลอบังคับใช้ประกาศมะเร็งรักษาทุกที่หาทางออก 3 เดือน
และออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายกรณีค่ายาเคมีบำบัดหรือฮอร์โมน ค่ารังสีรักษาโรคมะเร็ง และค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประกอบการสั่งใช้ยารักษาโรคมะเร็ง สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568
นพ.อรรถพร กล่าวว่า เพื่อให้ผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถเข้าถึงบริการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคมะเร็ง การตรวจหาระยะของโรคมะเร็ง การรักษาภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งโรคร่วมที่พบในระหว่างการรักษา และการตรวจเพื่อติดตามผลการรักษา สปสช. จึงขอแจ้งเลื่อนวันบังคับใช้ประกาศดังกล่าวจากเดิมเป็นวันที่ 1 เมษายน 2568
ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จนถึง 31 มี.8.2568 หน่วยบริการที่ให้บริการตามโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ สามารถขอรับค่าใช้จ่ายได้ตามเดิมในประกาศสำนักงาน สปสช. เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัดหรือฮอร์โมนหรือรังสีรักษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร พ.ศ. 2566
หลังจากที่ สปสช.ได้พิจารณาและเห็นควรให้มีการเลื่อนวันบังคับใช้ประกาศการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ออกไปแล้วยังได้ทำหนังสือลงนามโดยเลขาธิการ สปสช. เพื่อแจ้งกรณีดังกล่าวไปยังผู้บริหารหรือผู้อำนวยการของหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ร่วมให้บริการตามโครงการนี้
ในช่วง 3 เดือนสปสช. จะมีการหารือร่วมกันกับหน่วยยบริการเพื่อเตรียมการต่างๆ โดยเฉพาะการปรับระบบการเบิกจ่ายไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องได้รับการดูแล