กรณีสื่อออนไลน์ นำข้อมูลการระบาดของเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) ใน จ.ระยอง ไปเผยแพร่โดยมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ล่าสุดวันนี้ (18 ธ.ค.2567) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า กรณีที่เกิดขึ้นใน จ.ระยอง ดังกล่าว เป็นเหตุการณ์เมื่อต้นเดือน พ.ย.2567 ซึ่งเป็นอาการท้องเสียจองเด็กนักเรียนซึ่งเกิดจากเชื้อ E.coli และโคลิฟอร์ม แบคทีเรีย จำนวน 1,436 ราย โดยพบการติดเชื้อโนโรไวรัส จำนวน 2 ราย เท่านั้น และปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
สำหรับเชื้อโนโรไวรัส ซึ่งมักพบมากในช่วงฤดูหนาว กรมอนามัยขอให้ประชาชนป้องกันตนเองจากโรโนไวรัส โดยเฉพาะในกล่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุที่มีภูมิต้านทานต่ำ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง
- ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
- ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ก่อนและหลังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- หลีกเลี่ยงดื่มน้ำที่ไม่สะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด
ส่วนหน่วยงานและสถานประกอบกิจการควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน ดังนี้
- การเติมคลอรีนในถังพักน้ำดื่มและน้ำใช้
- การตรวจประเมินคุณภาพน้ำใช้ น้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง
- จัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ที่เพียงพอ
- การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพและส่งเสริมพฤติกรรมอนามัยส่วนบุคคลที่ดีสำหรับการป้องกันโรค
เชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน สามารถติดต่อได้ง่าย จากการสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม อากาศ การสัมผัส และการหายใจ เช่น การสัมผัสผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัสโดยตรง การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัส รวมถึงสภาพแวดล้อมไม่ถูกหลักสุขาภิบาล อาการที่พบส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามร่างกาย
ทั้งนี้ กรณีพบผู้ป่วย ยังไม่พบอาการรุนแรง และเสียชีวิต ดังนั้น การที่สื่อออนไลน์ นำเพียงจำนวนตัวเลขการพบอาการอุจจาระร่วงในนักเรียนมาเผยแพร่ และให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ส่งผลให้ประชาชนเข้าใจผิดและหวาดกลัว โดยขาดข้อแนะนำและวิธีดูแลสุขภาพตนเอง ซึ่งเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) สามารถป้องกันได้ด้วยข้อแนะนำข้างต้น กรมอนามัย จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว รวมทั้ง หาข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานภาครัฐที่น่าเชื่อถือ
อ่านข่าวอื่น :
ยาฟรีภาษีเรา! เสี่ยงผิดใช้สิทธิบัตรทองรับยาโพสต์ขายราคาถูก
ประกันสังคม เปิด 4 กลุ่มเข้าเกณฑ์รักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยพลาสมา