แล้วก็ถึงฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องดังยุคสมัยก่อนหน้านี้ และปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค
เป็นสมาชิกพรรค พปชร.คนที่ 2 ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับการเรียกรับผลประโยชน์จากดิไอคอนกรุ๊ป ถัดจากนักการเมือง ส.เสือ ที่ชิงลาออกจากสมาชิกพรรค ก่อนจะโดนกรรมการบริหารพรรคลงมติขับออก โดย “ฟิล์ม” ยังปฏิเสธ ไม่ได้เรียกตบทรัพย์ แค่เจรจาอยากได้งานพีอาร์เท่านั้น
อ่านข่าว : "แทนคุณ" ปูดอีกเคส 60 ล้านโยง "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" สะกิดพูดความจริง
ส่วนอีกคนเป็นนักการเมืองหญิง ก.ไก่ ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองของตนเอง ไม่ได้เกี่ยวกับ พปชร. แต่เป็นคนที่นายรัฐภูมิระบุว่า เป็นคนกลางที่เขาติดต่อ และเป็นคนกำหนดเงิน 20 ล้านบาทในการเจรจาของ “ฟิล์ม” กับบอสคนหนึ่งของดิไอคอนกรุ๊ป
แม้เจ้าตัวจะยังคงปฏิเสธ อ้างว่าสุดท้ายไม่ได้งานพีอาร์ให้ดิไอคอนกรุ๊ป แต่สำหรับ “หนุ่ม”นายกรรชัย กำเนิดพลอย แห่งรายการดังทางช่องทีวีดิจิทัล ไม่พอใจอย่างยิ่ง ถึงกับส่งทนายความไปแจ้งความเอาผิดที่กองปราบ ฐานเอาชื่อ “หนุ่ม” นายกรรชัย และรายการดังทางทีวีไปกล่าวอ้าง
ขณะที่การเชื่อมโยงกับดิไอคอน นายเดชา กิตติวิทยนันท์ ทนายความคนดัง และเป็นประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ระบุชัดเจนว่า เป็นความผิด ร่วมกันพยายามฉ้อโกง แม้จะทำไม่สำเร็จ แต่มีโทษจำคุก 2 ใน 3 ของความผิดจำคุก 3 ปี เพราะฐานความผิดได้ทำแล้ว
และในคลิปเสียงที่มีความยาวร่วมครึ่งชั่วโมงนั้น มีความชัดเจน และครอบคลุมพฤติการณ์ การสนทนาทั้งหมด ตั้งแต่การเจรจา การเข้าข่ายหลอกลวงเพื่อออกรายการ เรื่องวงเงินที่เรียก 20 ล้านบาท เป็นเงินสด หรือเป็นเหรียญดิจิทัลเท่านั้น ไปกระทั่งเรื่องการฟอกขาว ถือเป็นพยานวัตถุชั้นดี
นายเดชาจึงแนะนำให้ “ฟิล์ม” พูดความจริง ยอมรับผิดและกล่าวขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น กรณีมีคลิปเสียงพูดคุยกับนักการเมืองหญิง ก.ไก่ เชื่อว่าสังคมไทยจะให้โอกาส ดีกว่าจะพยายามปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรืออ้างคลิปเสียงมีการตัดต่อ อย่างที่ทำอยู่ เพราะจะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือเป็นคุณกับตนเอง ในยุคสมัยที่โลกโซเชียลเป็นใหญ่อย่างในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ นายเดชากล่าวว่า ต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ และไม่ควรว่าเป็นเรื่องตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรค เพราะเรื่องที่เกี่ยวกับความโปร่งใส และจริยธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยส่วนตัวเห็นว่า น่าจะขับออกจากสมาชิกพรรคเป็นดีที่สุด
แต่จะมีเสียงตอบรับจาก “ฟิล์ม รัฐภูมิ” หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เท่ากับสะท้อนและเป็นการยืนยันว่า เรื่องคดีดิไอคอนกรุ๊ป ยังไม่จบง่ายๆ เพราะเกี่ยวข้องกับแทบทุกวงการสำคัญๆ ไปแล้ว ทั้งเชื่อว่าจะยังมีการขยายผลตามมาอีก
เช่นเดียวกับคลิปเสียงในสมาร์ทโฟน เครื่องที่คนขับรถ “บอสพอล” เคยถือไว้ และต่อมาถูกส่งต่อให้ตำรวจสอบสวนกลางไปแล้ว เชื่อว่าน่าจะเก็บความลับ และอาจมีคลิปเสียงเรียกตบทรัพย์ หรือเกี่ยวโยงไปถึงใครต่อใครอีกมาก
อยู่ที่ทนายความหรือดีเอสไอ จะเปิดประเด็นคนใหม่หรือเรื่องใหม่วันไหนเท่านั้นเอง
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : “ศึกนี้ แพ้ไม่ได้” ท้าชน “บ้านใหญ่” ชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช
พปชร.ขอ 2 วันเช็กสถานะ "ฟิล์ม" ทนายบอสยันคลิปเสียงไร้ตัดต่อ