"ไบเดน" วอนลดอุณหภูมิการเมือง - กลุ่มต้าน "ทรัมป์" ประท้วงในชิคาโก

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2567 กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ต่ำกว่า 200 คน รวมตัวบริเวณด้านนอกอาคาร Trump International Hotel & Tower ในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เพื่อแสดงพลังต่อต้านทรัมป์หลังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยผู้ประท้วงบางคนถือป้ายข้อความขับไล่ทรัมป์ ขณะที่บางส่วนเรียกร้องให้ยุติการรุกรานกาซาของอิสราเอล

ขณะที่บรรยากาศโดยรอบคฤหาสน์ Mar-a-Lago ของทรัมป์ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ยกระดับการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น โดยมีภาพการนำหุ่นยนต์สุนัขร่วมลาดตระเวนรั้วรอบขอบชิด ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ยามฝั่งที่ออกเรือลาดตระเวนตรวจสอบความปลอดภัยทางน้ำ

กลุ่มต่อต้านโดนัลด์ ทรัมป์ รวมตัวประท้วงในนครชิคาโก

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภายใต้การนำของทรัมป์ในสมัยหน้า เกิดกระแสความกังวลและการกล่าวโทษกันไปมา โดยเฉพาะในฝั่งเดโมแครต จนล่าสุด โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน เรียกร้องให้ชาวอเมริกันช่วยกันลดอุณหภูมิทางการเมืองลง หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย

ไบเดน เปิดเผยว่า ได้ต่อสายหาทรัมป์เพื่อแสดงความยินดีแล้ว พร้อมทั้งจะสั่งการให้รัฐบาลชุดปัจจุบันประสานงานกับทีมงานของทรัมป์ เพื่อส่งต่อภาระงานให้ได้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันควรได้รับ รวมถึงกล่าวชื่นชม คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในศึกเลือกตั้ง

ท่าทีของไบเดน มีขึ้นหลังจากการพ่ายแพ้ของพรรคเดโมแครตเริ่มส่งผลให้เกิดรอยร้าวภายในพรรคและการกล่าวโทษกันไปมา รวมถึงโจมตีไบเดนว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แฮร์ริสพลาดท่า

ขณะที่นักวิเคราะห์การเมืองและสื่อหลายสำนัก มองว่า การเดินตามรอยไบเดนมีผลต่อคะแนนนิยมของแฮร์ริสจริง ด้วยความที่เธอพยายามจะแสดงให้เห็นว่าภักดีต่อไบเดนและเคารพในการดำเนินนโยบายต่างๆ จนกลายเป็นเสมือนกับดัก เพราะหากแฮร์ริสส่อแววต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับไบเดนก็จะถูกรีพับลิกันโจมตี แต่เมื่อเดินตามรอยไบเดน ชาวอเมริกันที่เบื่อหน่ายปัญหาในประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เลือกเช่นกัน

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยต่อประชาชนที่ทำเนียบขาว และเรียกร้องให้ชาวอเมริกันลดความตึงเครียดทางการเมือง

ผู้นำรัสเซีย-จีนร่วมยินดีทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ชนะการเลือกตั้ง พร้อมระบุว่าทรัมป์เป็นคนกล้าหาญและประทับใจกับท่าทีของเขา หลังเหตุลอบสังหารครั้งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ค. ซึ่งถ้อยแถลงของปูตินเกิดขึ้นหลังจากทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่าผู้นำรัสเซียไม่มีแผนจะร่วมแสดงความยินดี

ขณะที่สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ร่วมยินดีกับทรัมป์ โดยได้ขอให้ทั้ง 2 ประเทศเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยั่งยืนระหว่างกัน พร้อมทั้งย้ำว่าประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าจีนและสหรัฐอเมริกาจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือ และจะประสบปัญหาเมื่อมีการเผชิญหน้า

ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ระบุว่า ไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวัน แสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะลึกซึ้งและก้าวหน้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ชิเกรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 พ.ย.) เป็นเวลา 5 นาที ในโอกาสที่ทรัมป์คว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งผ่านพ้นไป รวมถึงมีแผนที่จะนัดหารือกับทรัมป์ในเร็วๆ นี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นอีกระดับ

ภาพหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐฯ

เช่นเดียวกับผู้ช่วยที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ยุน ซอก-ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับทรัมป์ โดยเนื้อหาการพูดคุยมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคง ซึ่งรวมถึงเรื่องความกังวลต่อเกาหลีเหนือที่มีรายงานว่าได้ส่งกำลังทหารไปร่วมสู้รบกับทางฝั่งรัสเซียที่ยูเครน และเพิ่งทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปไปก่อนหน้านี้

ส่วน แอนโทนี แอลบานีซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แถลงข่าวแสดงความยินดีกับทรัมป์ โดยระบุว่ารัฐบาลออสเตรเลียพร้อมที่จะเดินหน้าทำงานร่วมกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ในฐานะที่สหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

ผู้อพยพเร่งเข้าสหรัฐฯ หลังทราบผลเลือกตั้ง

ด้านผู้อพยพส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเข้าประเทศที่อาจเข้มงวดยิ่งขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของทรัมป์ ทำให้ผู้อพยพต้องเร่งหาทางเข้าสหรัฐฯ ให้ทันก่อนที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี คนที่ 47 อย่างเป็นทางการ หรือก่อนที่จะมีมาตรการที่เข้มงวดออกมาใหม่

สำนักข่าว NBC รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คน ว่า รัฐบาลโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อรองรับคลื่นผู้อพยพที่คาดว่าจะทะลักเข้าสู่ประเทศ ก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เนื่องจากผู้อพยพกังวลว่าทรัมป์อาจจะออกคำสั่งให้ปิดพรมแดน

ขณะที่ทีมงานที่ดูแลด้านการเปลี่ยนผ่านอำนาจของทรัมป์ เปิดเผยว่า ทรัมป์เตรียมที่จะเลือกคณะรัฐมนตรีของตนเองภายในไม่กี่วันและไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยเจ้าหน้าที่จะนำเสนอรายชื่อของบรรดาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ทรัมป์เลือก ซึ่งทรัมป์ระบุว่าจะเลือกบุคลากรที่จะช่วยทำให้ชาวอเมริกันมีรายได้ที่ดีขึ้น ปลอดภัยและมีความมั่นคง

อ่านข่าว

สัญญาต้องเป็นสัญญา! 7 สิ่งที่ "ทรัมป์" จะทำเมื่อเป็นผู้นำสหรัฐฯ

รู้จัก J.D.Vance จาก Never Trump สู่มือขวาประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ผู้นำโลกยินดี "ทรัมป์" แพทองธารพร้อมร่วมงานสานสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ