3 องค์กรธุรกิจนัดพบ "แพทองธาร" ถกปัญหาเร่งช่วย SMEs

การเมือง
23 ส.ค. 67
07:48
194
Logo Thai PBS
3 องค์กรธุรกิจนัดพบ "แพทองธาร" ถกปัญหาเร่งช่วย SMEs
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าไทย และ สมาคมธนาคารไทย เตรียมเข้าหารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและการขับเคลื่อนนโยบายร่วมกัน

วันนี้ (23 ส.ค.2567) เอกชน 3 หน่วยงานหลัก ทั้งสภาหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมไทย และสมาคมธนาคารไทย ขอเข้าพบนายกฯ เพื่อสะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้ขอเข้าพบกับ น.ส.แพทองธาร เพื่อร่วมนำเสนอแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดย ส.อ.ท. พร้อมคณะกรรมการบริหาร จะเริ่มหารือในเวลา 11.00 น.

สำหรับสิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ คือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและเร่งด่วน ซึ่ง ส.อ.ท. ได้เน้นย้ำเสมอและไม่เปลี่ยนจากเดิม คือ นโยบายช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยหลัก ๆ มาจากต้นทุนที่สูงขึ้นในทุกอย่าง ทั้งวัตถุดิบ ราคาพลังงาน ค่าไฟและน้ำมัน รวมถึงค่าแรงที่กำลังจะปรับขึ้น 400 บาททั่วประเทศ วันที่ 1 ต.ค.2567 นี้

เงินทุน ปัจจุบัน SMEs กำลังขาดออกซิเจน คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ หลายธนาคารได้ประกาศลดเป้าหมายของการปล่อยสินเชื่อ และมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเม็ดเงินที่จะปล่อยได้ถูกจำกัดและลดลงไปอีก ดังนั้น ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่มหาศาล รัฐบาลต้องหาเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจและเติมเงินเข้าไปให้ SMEs ได้เข้าถึงแหล่งเงิน ที่นอกจากธนาคารพาณิชย์แล้วจะต้องมีกลไกอื่นมาเติมให้สู้ต่อไปได้ เเละ สินค้าราคาถูกต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาด

ขณะนี้ที่ทราบว่าสินค้าราคาถูกได้ทะลักมาทุกทิศทุกทาง จนท่วมตลาดทั้งในไทยและภูมิภาค ส่งผลให้เอสเอ็มอีไทยแข่งขันไม่ได้ จนต้องปิดกิจการมากมาย เหมือนช่วง 6 เดือน ม.ค.-พ.ค.2567 ปิดกิจการกว่า 667 แห่ง เป็นขนาดมูลค่ากิจการที่ 20 ล้านบาท เป็นกิจการของคนไทยเกือบ 100% 

ขณะที่โรงงานที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ขอการสนับสนุนจาก BOI และส่วนใหญ่เป็นต่างชาติเกือบทั้งหมดที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 140 ล้านบาท ดังนั้น มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลจะป้องกัน ต้องดีพอและตรวจตั้งแต่การนำเข้า มีการตรวจสอบ 100 % ทำตามกฎเกณฑ์ที่อยู่ในขอบเขตและต้องทำอย่างเต็มที่ จะต้องระมัดระวังไม่ใช่ไปจ้องทะเลาะ ทำตามมาตรฐานสากลทั่วโลกที่มีเกณฑ์อยู่แล้ว

เหมือนเวลาที่ประเทศไทยส่งสินค้าจากไทยไปจีน ญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นที่เข้าตรวจในตู้คอนเทนเนอร์ของทางเข้าที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งไทยตรวจต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะนี้สินค้าที่เข้ามาในไทยมีมาแทบจะทุกทิศทุกทาง

ดังนั้น การสกัดสินค้าด้อยคุณภาพเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาล จะเร่งดำเนินการ สำหรับการแก้ปัญหาระยะกลาง และยาวมีหลายเรื่องที่ต้องทำ อาทิ การศึกษา ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม แก้กฎหมายเพื่อให้ทำงานง่ายขึ้น และการสร้างบุคลากรที่ต้องเดินต่อ เพราะที่ผ่านมาช้าเกินไปแล้ว

อ่านข่าว :

ปัจจัยน้ำท่วมภาคเหนือ "ฝน-ป่าหาย-ที่ดินเปลี่ยน" ภัยพิบัติ 22 ส.ค. 67 20:26 1,522

เขตเศรษฐกิจตัวเมืองน่านยังจม น้ำทะลักถึงวัดภูมินทร์

เช็กก่อน! เตือนระวังภัย 4 ข่าวปลอมเกี่ยวกับ "ฝีดาษลิง"

เปิดไทม์ไลน์เครื่องบินตกบางปะกง จนท.เร่งค้นหาชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่ม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง