ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ธุรกิจสัตว์เลี้ยง" โตก้าวกระโดด สร้างรายได้-ทำกำไรระยะยาว

เศรษฐกิจ
19 ก.ค. 67
07:52
3,020
Logo Thai PBS
"ธุรกิจสัตว์เลี้ยง" โตก้าวกระโดด สร้างรายได้-ทำกำไรระยะยาว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย "ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวข้อง" มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังคนยกระดับสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนและคนในครอบครัว โดยธุรกิจนี้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์การเติบโตของธุรกิจ โดยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่องเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับอิทธิพลจากการยกระดับสัตว์เลี้ยงให้เป็นเพื่อนที่มีความสำคัญในชีวิต เกิด Petfluencer สัตว์เลี้ยง ที่มีผู้ติดตามผ่านสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก มีการสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่เจ้าของ

แนวโน้มและรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ของคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว (Pet Humanization) และการเลี้ยงสัตว์แบบเหล่าทาสที่พร้อมจะเปย์เจ้านายแบบไม่จำกัด ทำให้เกิดการลงทุนในสุขภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงเหมือนคนจริง ๆ และการซื้อของเล่น ของใช้ อาหารแบบพรีเมียมเพื่อตามใจสัตว์เลี้ยงที่รัก ส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้าสู่ธุรกิจเพิ่มมากขึ้นเพราะมีโอกาสทำกำไรได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังเกิดเทรนด์ใหม่คือการนิยมเลี้ยงสัตว์แปลก หรือ Exotic Pet เช่น งู กิ้งก่า เต่า ชูการ์ไกลเดอร์ เป็นต้น โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ของสัตว์เลี้ยง Exotic Pet เติบโตสูงกว่าร้อยละ 50 ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมว เติบโตร้อยละ 8 และยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข เติบโตร้อยละ 6

จากการวิเคราะห์คนแต่ละ Gen ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง พบว่า Gen Z นิยมเลี้ยงสุนัขมากที่สุด, Gen Y ต้องการเสริมพลังบวกจากแมว, Gen X นิยมเลี้ยงนกและปลา ขณะที่ Baby Boomer นิยมเลี้ยงสัตว์น้อยที่สุด

สำหรับการจัดตั้งธุรกิจสัตว์เลี้ยง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.2567) พบว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่องมีจำนวนทั้งสิ้น 5,009 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 98,797.54 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจฟาร์มสัตว์ 1,233 ราย ทุน 11,965.51 ล้านบาท, ธุรกิจอาหาร ของเล่นสำหรับสัตว์ 2,138 ราย ทุน 80,443.67 ล้านบาท และธุรกิจบริการและดูแลสัตว์ 1,638 ราย ทุน 6,388.36 ล้านบาท

การลงทุนในธุรกิจสัตว์เลี้ยงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนชาวไทย 93,464.62 ล้านบาท คิดเป็น 94.60% ที่เหลือเป็นนักลงทุนต่างชาติ

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ขณะนี้เทรนด์ Pet Parent หรือการดูแลหมา แมวเหมือนลูกมาแรงมากๆ ทำให้ห้าง ร้าน คาเฟ่ ต่างปรับตัวเป็น Pet Friendly กันเยอะขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ทั้งโรงแรม โรงเรียน สระว่ายน้ำ สปา ไปจนถึงอาหาร เสื้อผ้าและของใช้ Gadget อย่างน้ำพุให้น้ำ เครื่องอบขนหลังอาบน้ำ หรือเครื่องให้อาหารอัตโนมัติผ่าน Wifi ที่ตอบโจทย์คนวัยทำงาน

นายเศรษฐา ระบุอีกว่า ตนเองเป็นหนึ่งในคนรักหมา แต่ละเดือนก็ใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยงไปพอสมควร จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดสัตว์เลี้ยงโตอย่างต่อเนื่องมาสักระยะแล้ว และจากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปี 2566 พบว่าธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้กว่า 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งคิดว่านี่คือโอกาสทองของนักธุรกิจไทยที่เก่งทางด้านการผลิตและบริการ รวมถึงโอกาสของภาคการท่องเที่ยวที่พาสัตว์เลี้ยงไปด้วยกันได้ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย นักธุรกิจไทยจึงห้ามพลาดโอกาสนี้

อ่านข่าว

KKP เผยผลวิจัย "วัยแรงงานลด -สูงวัยทะลัก" ฉุด GDP ไทยโตต่ำ

"บวร 10" นิทรรศการศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติ "ในหลวง" 72 พรรษา

"สุริยะ" เร่งเปิดรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก "ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี" ต้นปี 71

ข่าวที่เกี่ยวข้อง