วันนี้ (27 มิ.ย.2567) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผย ภาวะเศรษฐกิจการคลัง เดือนพ.ค. ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัวในภาคการท่องเที่ยว การส่งออกสินค้า และภาคการเกษตร แต่การบริโภคสินค้าคงทนและการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค และปริมาณการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดต่อไป

โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -8. ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -20.2 และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง พบว่าปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -10.8 และลดลงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ -0.7 ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 1.3 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.8
ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 26,219.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 7.2 เนื่องจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และหมวดเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ โดยขยายตัวร้อยละ 110.7 44.4 และ 12.4 ตามลำดับ

นอกจากนี้ สินค้าในหมวดผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ยางพารา อาหารสัตว์เลี้ยง และนมและผลิตภัณฑ์นม ขยายตัวร้อยละ 128.0 46.6 39.2 และ 16.7 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกน้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และแผงวงจรไฟฟ้าชะลอตัว
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดจีน อินเดีย อินโดจีน-4 และสหรัฐฯ ที่ขยายตัวร้อยละ 31.2 23.1 9.6 และ 9.1 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น หดตัวลงร้อยละ -8.1 และ-1.0 ตามลำดับ
ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวและภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.63 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 30.8 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 4.2

ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และ ลาว เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย จำนวน 22.5 ล้านคน
ขณะที่ภาคการเกษตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 7.4 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 1.3 จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในหมวดไม้ผล หมวดปศุสัตว์ และปาล์มน้ำมัน ส่วนผลผลิตข้าวเปลือก ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด ชะลอตัว
สำหรับภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 88.5 จากระดับ 90.3 ในเดือนก่อนหน้าโดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ กระทรวงคลังมองว่า เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยสะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพ.ค.ทีร้อยละ 1.54 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.39 ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเม.ย. 2567 อยู่ที่ร้อยละ 63.8 ต่อ GDP1 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นพ.ค. 2567 อยู่ในระดับสูงที่ 224.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าว:
ตลาด Art Toyไทยรุ่ง “กรมพัฒน์” ชี้ กลุ่ม Kidult แห่ซื้อเก็งกำไร
ทองคำเช้านี้ ร่วงอีก 150 บาท นักลงทุนจับตาดีเบต "ไบเดน-ทรัมป์"