วันนี้ (29 พ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรับฟังการชี้แจงเงื่อนไขประมูลข้าว 10 ปีในโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 ปริมาณ 15,000 ตัน เป็นไปอย่างเงียบเหงา มีโรงสีและผู้ค้าข้าวเข้ารับฟังไม่ถึง 10 ราย โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และกรมการค้าภายใน ร่วมกันชี้แจงรายละเอียดและเงื่อนไขการประมูลข้าว
นายกฤณรักษ์ ใจดี รักษาการแทนผู้อำนวยการ อคส. ระบุว่า การระบายข้าวครั้งนี้เป็นการประมูลทั่วไปครั้งที่ 1/2567 ซึ่งเป็นการประมูลแบบยกคลังตามสภาพข้าวที่เก็บรักษา ซึ่งขั้นตอนหลังจากชี้แจงแล้วจะเปิดให้ผู้สนใจสามารถดูข้าวได้ที่คลังสินค้า จ.สุรินทร์ ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-7 มิ.ย.2567 (ยกเว้นวันที่ 3 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
ส่วนกรณีที่สภาองค์กรของผู้บริโภคและกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา จะขอดูตัวอย่างข้าวในการประมูลนั้น จะต้องทำหนังสือมายัง อคส.เพื่อให้พิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่ พร้อมระบุอีกว่า ที่ผ่านมามีการตรวจสอบคุณภาพของข้าวล็อตนี้จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว มั่นใจว่าจะมีผู้สนใจประมูลอย่างแน่นอน เบื้องต้นมีการโทรศัพท์มาสอบถามเกือบ 10 ราย
เช่นเดียวกับนายกฤชธนา ทองประเสริฐ ผอ.กองส่งเสริมสินค้าเกษตร กรมการค้าภายใน ยืนยันว่า ข้าวล็อตนี้มีการตรวจสอบคุณภาพที่มีมาตรฐาน เก็บตัวอย่างโดยการผ่ากองถึง 15 ชั้น โดยเซอร์เวเยอร์ที่น่าเชื่อถือและมีการยืนยันผลตรวจคุณภาพที่ชัดเจนว่าปลอดภัย
ส่วนประเด็นทีโออาร์ที่ห้ามนำตัวอย่างข้าวออกมาตรวจสอบนั้น นายกฤชธนา ชี้แจงว่า เนื่องจากการเปิดประมูลในอดีตมีการอนุญาตให้นำตัวอย่างข้าวออกมาตรวจสอบได้ เพราะผู้ร่วมประมูลส่งตัวแทนมาดูและเก็บตัวอย่างข้าวไปให้เจ้าของตัดสินใจ โดยการเก็บสมัยก่อนเป็นการเก็บรอบๆ กอง แต่ครั้งนี้มีการเจาะกอง 15 ชั้น จึงมั่นใจได้
อ่านข่าว : อคส.เปิด TOR ขายข้าวค้างโกดัง 10 ปี ยื่นเสนอซื้อ 17 มิ.ย.67
โรงสีรอดูข้าวจริงในคลังก่อนตัดสินใจประมูล
ขณะที่นายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า มาตามคำเชิญจาก อคส. ส่วนจะสนใจเข้าร่วมการประมูลหรือไม่ ต้องรอดูตัวอย่างข้าวจริงในคลังก่อน แต่เบื้องต้นมีข่าวผลตรวจสอบคุณภาพของรัฐว่าข้าวยังสามารถบริโภคได้ ก็เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล
พร้อมมองว่าผู้บริโภคไม่ต้องกังวล เพราะหากข้าวใช้ได้ก็จะขายตามสภาพ รวมทั้งก่อนจะจำหน่ายออกสู่ตลาดจะมีการเข้ากระบวนการปรับปรุงคุณภาพ ทำให้คุณภาพข้าวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในการซื้อขายและการส่งออกต่างประเทศหรือในประเทศ แต่ไม่ควรแบ่งแยกว่าจะทำเพื่อการส่งออกเท่านั้น เพราะหากคุณภาพข้าวระบุว่าสามารถบริโภคได้ หมายถึงคนไทยบริโภคได้และคนต่างประเทศก็บริโภคได้เช่นกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจผิดว่าคนไทยไม่บริโภค จึงนำไปส่งออก
นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวอีกว่า ต้องการให้ยกเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาว่า ข้าวที่เก็บรักษามา 10 ปีแล้วคุณภาพยังใช้ได้ ซึ่งอาจเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า หากอนาคตเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านอาหาร ทำให้มีบทเรียนในการเก็บสต๊อกข้าว
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลทีโออาร์ เพราะปกติจะมีการอนุญาตให้นำตัวอย่างข้าวไปตรวจสอบคุณภาพได้ แต่ครั้งนี้ไม่สามารถทำได้ โดยมองว่าการให้นำตัวอย่างไปตรวจสอบถือว่ามีความจำเป็น เพราะจะได้ประเมินคุณภาพและจะเป็นตัวกำหนดราคาในการประมูล ซึ่งการตรวจต้องตรวจทางกายภาพและทางเคมีของผู้ประกอบการที่มีวิธีการตรวจอยู่แล้ว ทั้งนี้จะให้ฝ่ายจัดซื้อของโรงงานเข้าไปดูและประเมินว่าควรซื้อหรือไม่ หรือซื้อได้ระดับราคาที่เท่าไหร่ แต่เบื้องต้นบริโภคได้ก็มีโอกาสที่จะมายื่นเสนอราคา
ส่วนกรณีมีผู้สนใจนำไปทำเข้าถุงและอาจกำหนดให้มีการระบุว่าเป็นข้าว 10 ปีด้วยนั้น มองว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะจะผ่านกระบวนการคัดแยกที่ละเอียดอยู่แล้ว และอาจจะนำไปผสมกับข้าวชนิดอื่นก่อนบรรจุถุง ซึ่งทุกวันนี้ก็อาจมีข้าวหลายปีนำไปบรรจุถุงขาย แต่ไม่ได้มีการระบุปี อีกทั้งยังมองว่ามาตรฐานข้าวที่จำหน่ายมีมาตรฐานสูงขึ้นมาก เพราะในระบบการปรับปรุงและเครื่องจักรที่มีในประเทศไทยถือว่าทันสมัยระดับโลก จึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องคุณภาพข้าวที่จะออกมา
อ่านข่าว : “ภูมิธรรม” แจง อย่าด้อยค่าข้าวไทยกันเอง ย้ำข้าว 10 ปี มีคุณภาพ
เปิดยื่นซองเสนอราคา 17 มิ.ย.
ทั้งนี้ หลังจากให้ผู้สนใจดูตัวอย่างข้าวแล้ว จะเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ วันที่ 10 มิ.ย.2567 และจะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่ผ่านคุณสมบัติ วันที่ 13 มิ.ย. จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อ วันที่ 17 มิ.ย.และในวันเดียวกันจะเปิดซองเสนอราคา ในเวลา 13.00 น.
สำหรับการพิจารณาผู้เสนอซื้อ อคส.จะเชิญผู้ชนะการประมูลหรือผู้ที่เสนอราคาซื้อสูงสุดมาเจรจาก่อน และกำหนดต้องทำสัญญาซื้อขายภายใน 15 วันนับตั้งแต่ อคส.แจ้งผลเป็นทางการ พร้อมวางหลักประกันเงินสดในอัตรา 5% ของมูลค่าสัญญา แต่หากไม่ทำสัญญาตามเวลาที่กำหนดจะถูกริบหลักประกันทั้งหมด และหากผู้ซื้อทิ้งสัญญา อคส.จะเจรจากับผู้เสนอซื้อสูงสุดในลำดับถัดไป โดยผู้ทิ้งสัญญาจะต้องชดใช้ค่าเสียหายจากส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับราคาที่จำหน่ายได้ให้ อคส.ด้วย
ส่วนผู้ที่ชนะการประมูลจะต้องชำระเงินค่าสินค้าก่อนส่งมอบข้าวสาร โดยชำระครั้งแรกภายใน 20 วันนับจากวันที่ลงนามสัญญา หากฝ่าฝืนจะถูกริบหลักประกัน ส่วนการรับมอบข้าวกรณีปริมาณข้าวสารไม่เกิน 10,000 ตัน จะต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายใน 20 วันนับจากวันทำสัญญา และปริมาณที่เกิน 10,000 ตัน แต่ไม่เกิน 20,000 ตัน ผู้ชนะการประมูลจะต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับจากวันทำสัญญา
อ่านข่าว