เดินสาย 10 วันรวด "เศรษฐา" เยือนฝรั่งเศส-อิตาลี-ญี่ปุ่น

การเมือง
15 พ.ค. 67
13:11
963
Logo Thai PBS
เดินสาย 10 วันรวด "เศรษฐา" เยือนฝรั่งเศส-อิตาลี-ญี่ปุ่น
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เปิดทริป "เศรษฐา" นายกรัฐมนตรี 10 วันรวดเยือนฝรั่งเศส-อิตาลี-ญี่ปุ่น ตั้งแต่ 15-24 พ.ค.นี้ เตรียมพบผูู้นำฝรั่งเศส-อิตาลี และปิดท้ายประชุม Nikkei Forum Future of Asia ญี่ปุ่น

วันนี้ (15 พ.ค.2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) เป็นการเยือนประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ค.นี้ ณ กรุงปารีส การเยือนประเทศอิตาลีอย่างเป็นทางการ และกิจกรรมคู่ขนาน ระหว่างวันที่ 17-21 พ.ค.นี้ ณ เมืองมิลาน และกรุงโรม

นอกจากนี้จะเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.2567 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

อ่านข่าว : 4 เดือนหลังเป็นนายกฯ “เศรษฐา” ไปประเทศไหนมาแล้วบ้าง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในส่วนของการเดินทางเยือนฝรั่งเศส เป็นการเยือนเพื่อนำคณะนักธุรกิจไทยร่วมงาน Thailand-France Business Forum ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการเดินทางเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มี.ค.นี้ เป็นการจัดงานส่งเสริมการค้าระหว่างกันและสนับสนุนให้ภาคเอกชนฝรั่งเศสเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น

ในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เพื่อติดตามผลความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุน อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และ soft power ตลอดจนร่วมกันผลักดันประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ตามที่ระบุไว้ในแผนการ (Roadmap) การดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ.2022-2024

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนสาธารณรัฐอิตาลี อย่างเป็นทางการ พบหารือกับนางจอร์จา เมโลนี นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐอิตาลี เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิตาลี ซึ่งในปี 2567 จะครบรอบ 156 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน

อ่านข่าว : 6 เดือน "นายกฯ เศรษฐา" ออนทัวร์โรดโชว์ใน-นอกประเทศ

พร้อมขยายความร่วมมือในสาขาที่ไทยและอิตาลีมีศักยภาพร่วมกัน ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน การท่องเที่ยวเชิงกีฬา วิทยาศาสตร์การแพทย์และเภสัชกรรม และกลาโหม

โดยนายกรัฐมนตรี จะผลักดันประเด็นสำคัญ เช่น การยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยในเขตเชงเกน และการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป ให้สามารถสรุปภายในปี 2568 (ค.ศ.2025)

รวมถึงประเด็นการรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากอิสราเอลไปทำงานในอิตาลีในอนาคต โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับนาย Attilio Fontana ผู้ว่าการแคว้นลอมบาร์เดีย ซึ่งเป็นแคว้นที่สำคัญที่สุด ด้านเศรษฐกิจของอิตาลีด้วย

นอกจากนี้ การเยือนในครั้งนี้จะเป็นโอกาสพบหารือภาคเอกชนรายใหญ่ระดับโลกของอิตาลี และ นาย Carlo Capasa ประธาน the National Chamber of Italian Fashion โดยจะเชิญชวนภาคเอกชนอิตาลีให้มาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแฟชั่นและ Soft Power การเกษตรและอาหาร ยานยนต์ พลังงาน การเงินและพันธบัตร  รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์

โดยนายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อเนื่องไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมและกล่าวปาฐกถาในการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ซึ่งหัวข้อหลักในปีนี้ คือ Asian Leadership in an Uncertain World พร้อมจะเสนอให้เอเชียมีความร่วมมือสำคัญ ได้แก่ 1) การเชื่อมโยงด้านการค้าการลงทุนเพื่อเปิดโอกาสธุรกิจ 2) เสริมสร้างความยั่งยืนโดยเน้นเศรษฐกิจและพลังงานสีเขียว 3) การร่วมมือเพื่อเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล และ 4) การปรับกระบวนทัศน์ของระบบพหุพาคีใหม่ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของเอเชีย และก้าวข้ามสถานการณ์โลกที่ผันผวน ท้าทาย

อ่านข่าว : ไทยติด Top 10 ส่งออกสินค้ากลุ่มคลายร้อนโลก "เบอร์ 1 อาเซียน"

ศาล รธน.ให้ขยายเวลา "ก้าวไกล" ยื่นคำชี้แจงยุบพรรค 2 มิ.ย.นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง