วันนี้ (16 ก.พ.2567) นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจและสังคมของไทยเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อัตราการเจริญพันธุ์ลดลง และไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ สบส.ได้ดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนการให้บริการที่เกี่ยวข้องด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ รวมถึงการพิจารณาอนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทน เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มการเข้าถึงบริการของผู้มีภาวะมีบุตรยาก
ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จำนวน 114 แห่ง มีการพิจารณาอนุญาตดำเนินการให้ตั้งครรภ์ไปแล้ว 745 ราย และมีอัตราความสำเร็จในการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากถึงร้อยละ 46 ถือเป็นอัตราความสำเร็จที่ค่อนข้างสูง แต่ต้องคำนึงความปลอดภัยของผู้รับบริการควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับการพัฒนาระบบการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และเพิ่มประชากรรองรับสภาวะสังคมผู้สูงอายุ คณะอนุกรรมควบคุม ตรวจสอบ หรือกำกับดูแลการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานการให้บริการ จึงได้พิจารณาเห็นควรให้พัฒนาระบบประกันสุขภาพสำหรับกรณีการตั้งครรภ์แทน เบื้องต้นมีขอบเขตพิจารณาทำประกันในกรณีต่าง ๆ ดังนี้
ครอบคลุมหญิงที่รับตั้งครรภ์แทนตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน และโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องจากการตั้งครรภ์ การคลอดและหลังคลอด ซึ่งกรม สบส.จะดำเนินการพัฒนาการทำประกันกรณีการตั้งครรภ์แทน โดยได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทยและบริษัทสมาชิก สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทสมาชิก ร่วมพิจารณาเกณฑ์ร่างกรมธรรม์ คาดว่าร่างกรมธรรม์จะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2567