วันนี้ ( 15 ม.ค. 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดปฏิบัติการกวาดล้างทุนจีนเทา ในพื้นที่เขตอิทธิพลของชนกลุ่มชาติพันธุ์โกกั้ง ในภาคเหนือของรัฐฉาน และมีการสู้รบกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์โกกั้งกับกองทัพเมียนมา เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา
หน่วยข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่า ก่อนหน้านั้น รัฐบาลกรุงปักกิ่ง เคยขอความร่วมมือมายัง ไทย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เพื่อช่วยปราบปรามกลุ่มอาชญากรรม ค้ายาเสพติด พนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากพบว่า มีชาวจีนถูกหลอกไปทำงานจำนวนมาก ทั้งที่เมืองเล่าก์ก่าย และเขตพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มจีนเทา หลบหนีคดีเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย
โดยทางรัฐบาลทหารเมียนมาได้ให้ความร่วมมือกับทางการจีน กวาดล้างอาชญากรรม คอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจผิดกฎหมาย ในพื้นที่ท่าขี้เหล็กและเมียวดี ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่สามารถช่วยชาวจีนที่ถูกหลอกกลับประเทศได้ถึง 3,000-4,000 คน
นอกจากนี้ยังมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำงานในสถานบันเทิงและร่วมอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยทางการจีนได้กดดันอย่างหนัก หลังจากสายลับของจีนถูกสังหาร ทำให้กลุ่มทุนเหล่าจีนเทาต้องหนีมาลงทุนอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดน
รายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคง ระบุว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่มีนายจ้าวเหว่ย นักธุรกิจชาวจีนซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนรายใหญ่ มักถูกพาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย หรือกลายเป็นแหล่งที่กลุ่มทุนเหล่านี้เข้าไปตั้งกิจการ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่นายจ้าวเหว่ยก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลกระทบต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจากปฎิบัติการกวาดล้างกลุ่มจีนเทาในพื้นที่ดังกล่าว คือ มีขบวนการรับดูแลความปลอดภัยของกลุ่นคนจีนเทา ที่ต้องการหลบหนีเข้าในประเทศไทย โดยมีกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ และคนไทยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่คอยอำนวยความสะดวกให้ ตั้งแต่การพาหลบหนีตลอดเส้นทาง
ส่งต่อเข้ามายังจังหวัดเมียววดี ชายแดนเมียนมา-ไทย และนำตัวเข้าในพักในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีการเรียกเก็บค่าหัวรายละ 100,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยรายละ 500,000 บาท
รายงานข่าวระบุว่า สำหรับคนไทยที่พบว่า เข้าไปส่วนในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มจีนเทา ขณะนี้มี 2 ราย ถือเป็นขาใหญ่ในพื้นที่ มีอาชีพรับราชการทั้งคู่ คือ เมธี แม่สาย เป็นชาวจีนยูนนาน กว้างขวางในพื้นที่และในวงการต่างรับรู้กันดีว่าเป็นลูกน้องของนายตำรวจใหญ่ที่ชื่อว่า รอง ต. ส่วนอีกคนเป็นนายทหารชั้นประทวน ซึ่งต้นสังกัดทราบชื่อแล้วว่า ยศ จ.ส.อ. มีชื่อเล่นเรียกกันในวงการว่า “ยักษ์ เชียงแสน “ หรือ “ยักษ์ คิงส์โรมัน”
สำหรับนายทหารยศ จ.ส.อ.คนดังกล่าว ถูกส่งเข้าไปทำงานลับในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ตั้งแต่ปี 2558-2559 แต่ภายหลังพบว่า ถูกนายจ้าวเหว่ย เรียกไปใช้งานจนกลายเป็นลูกน้องคนสนิท และทำหน้าที่ในการดูแลผลประโยชน์ เป็นข้อต่อเชื่อมระหว่างนายจ้าวเว่ย และผู้ใหญ่ระดับบิ๊ก กำชั้นข้อมูลและความลับ รวมทั้งเคลียร์เส้นทางการเงินว่า จ่ายผ่านใครและให้บุคคลระดับใดบ้าง
นอกจากนี้ ยังมีเฮีย ฮ.ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ร่วมอยู่ในขบวนการ โดยทำหน้าที่เป็นตัวช็อตคัท และตัดตอน เรียกผลประโยชน์จากพวกทุนจีนเทา โดยบางรายหากไม่มีเงินหยวนจ่ายให้ ก็จะบังคับจ่ายเป็นเงินบิทคอยด์ และนำมาแปลงเป็นเงินไทยโอนเข้าบัญชีในภายหลัง
อ่านข่าวอื่น ๆ
ปชป.ยังไม่หารือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ปมยื่นซักฟอกรัฐบาล