หากนับจากวันที่ 6 ก.ย.2566 ที่ "สารวัตรแบงค์" พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อดีต สว.ส.ทล. 1 กก. 2 บก.ทล.ถูก "ธนัญชัย" หรือ "หน่อง หมั่นมาก" ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงที่บ้าน "ประวีณ จันทร์คล้าย" หรือ "กำนันนก" จวบวันนี้ (16 พ.ย. 2566) นานกว่า 2 เดือนแล้ว
แม้ "หน่อง ท่าผา" มือสังหาร "สารวัตรแบงค์" จะถูกวิสามัญและ "กำนันนก" ถูกฝากขังที่ศาลอาญา จะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 6 วันที่ 19 พ.ย.นี้ พร้อมตำรวจอีก 6 นายที่ถูกออกหมายจับและถูกฝากขัง คือ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข, ร.ต.ต.ประสาร รอดผล, ร.ต.ท.นิมิตร สลิตกุล, ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ, ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร และ ร.ต.ท.สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ แล้วก็ตาม แต่คดียังคงเดินหน้าต่อไป
หลังจาก "บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดดเข้ามารับลูกต่อในการสืบสวนขยายผลเอาผิดผู้เกี่ยวข้องในคดีอาญา และเดินหน้าทำคดีฮั้วประมูลควบคู่กับการทำงานของกองคดีฮั้วประมูล กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ในที่สุดชุดสืบสวนของทั้งตำรวจและดีเอสไอ สามารถไขปมปริศนาคดีที่ส่อเค้าว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้วประมูลรายใหญ่ของประเทศ โดยมีคนโตมีสีระดับ "บิ๊ก" อยู่แนวหน้าและมีคนดัง "นักการเมือง" ยืนอยู่ลำดับแถว 2 แน่นอนว่า การเดินหน้าสืบขยายผลของทั้งสองหน่วยงานอาจจะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการฮั้วประประมูลได้เช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่แปลกหากการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินแล้วจะพบว่า "กำนันนก" ร่ำรวยรวดเร็วอย่างผิดปกติ จากโครงการประมูลการก่อสร้างของ 2 บริษัทในเครือ คือ บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ ก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด ในพื้นที่ จ.นครปฐม
"กำนันนก" คุกยาว "อดีตตร.-พลเรือน" ติดกราวรูด
ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บัญชาการตำรวจ กองปราบปราม ในฐานะหัวหัวหน้าชุดพนัก งานสอบสวนคดีดังกล่าว นำสำนวนคดีเกี่ยวข้องกำนันนก "ประวีณ จันทร์คล้าย" ส่งให้อัยการมีความเห็นพิจารณาคดี หลังตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานพยานครบ และมีความเห็นสั่งฟ้อง 2 สำนวนคดี คดีแรก คือ คดีกำนันนกในความผิดฐานบงการและสั่งฆ่าสารวัตรแบงค์ ในความผิดตามมาตรา 60, 84, และ 288 โดยสำนวนคดีการสืบสวนสอบสวนมีทั้งหมด 3,087 หน้า
ส่วนสำนวนที่ 2 เป็นสำนวนคดีสั่งฟ้องตำรวจรวม 21 ราย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่มาตรา 157 โดยแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดแรก 6 ราย เป็นตำรวจที่ให้การช่วยเหลือกำนันนกหลบหนี
ส่วนตำรวจชุดที่ 2 เป็นตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงวันเกิด แต่ไม่ช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ และไม่จับกุมผู้กระทำความผิด นอกจากนี้ในสำนวนที่ 2 พนักงานสอบสวนยังสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องพลเรือน อีก 7 คน ซึ่งมีพฤติกรรมสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สอดคล้องกับ "นายประยุทธ เพชรคุณ" โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นำทีมอัยการร่วมแถลงรับ 2 สำนวนคดีดังกล่าว โดยอัยการระบุว่า คดีแรกกำนันนกจะโดน 2 ข้อกล่าวหาคือ จ้างวานฆ่า และ พยายามฆ่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60, 84, 288
และสำนวนคดีอาญา 25/2566 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยไม่ชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
แน่นอนในชั้นสอบสวน "กำนันนก" ยังคงใช้สิทธิให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับผู้ต้องหาทั้ง 28 คน
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า สำหรับผู้ต้องหาที่ 1 ถึงผู้ต้องหาที่ 6 ประกอบด้วย พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์, ร.ต.ต.ประสาร, ร.ต.ท.นิมิตร, ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์, ร.ต.อ.ณัฏฐพล และ ร.ต.ท.สรรเสริญ ฝากขังตามหมายขังของศาลอาญา ครบฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 21 พ.ย.2566
ส่วนกำนันนก "ประวีณ จันทร์คล้าย" ได้ฝากขังตามหมายขังของศาลอาญา ในคดีที่ 24/2566 และครบฝากขังครั้งที่ 6 วันที่ 19 พ.ย. ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน และพนักงานสอบสวนได้นำตัวมาส่งให้พนักงานอัยการแล้ว และสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ออกหมายนัดฟังคำสั่งในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
นายประยุทธ กล่าวว่า กำนันนก ตกเป็นผู้ต้องหาในทั้ง 2 คดี ซึ่งจะกำหนดครบฝากขังครั้งสุดท้าย วันที่ 1 ธ.ค.นี้ และคณะพนักงานอัยการยืนยันว่าการพิจารณาสำนวนคดีจะเสร็จสิ้นก่อนการฝากขังผัดครั้งสุดท้ายแน่นอน เนื่องจากแต่ละสำนวนคดีได้มีการจัดตั้งคณะพนักงานอัยการขึ้นมาเพื่อพิจารณาสำนวนอย่างรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรม แม้ว่าต้องสอบสวนบางประเด็นเพิ่มเติม และคาดว่าต้องจะทันระยะเวลาที่กำหนด
การพิจารณาคดีของกำนันนกจะมีการนับโทษต่อกันทั้ง 2 ศาล คือ ศาลอาญาและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ขึ้นอยู่กับว่าศาลใดพิพากษาคดีก่อน โฆษกอัยการสูงสุดกล่าว
สอบสวนกลาง-ดีเอสไอขยี้ต่อ "ขบวนการฮั้วประมูล"
ส่วนการตรวจสอบคดีฮั้วประมูล หลังดีเอสไอ โดยกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ได้เรียกสอบปากคำบริษัทผู้ซื้อซองประกวดราคาที่พบว่าส่อเค้าฮั้วเปิดทางให้บริษัท 2 บริษัทในเครือของ "กำนันนก" ชนะการประมูลในระบบ E-bidding ต่ำกว่าราคากลางร้อยละ 31-37
นอกจากนี้ผลการสอบสวนขยายผลต่อเนื่องพบว่าบริษัท "กำนันนก" มีรายได้ไม่สอดคล้องงบดุล จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังในช่วง 8 ปีพบว่ามีการประมูลโครงการรัฐได้กว่า 1,300 โครงการ วงเงินกว่า 3,500 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.จิรภพ หรือ "บิ๊กก้อง" ระบุว่า การตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมของกำนันนกที่เกี่ยวข้องกับคดีฮั้วประมูล แม้ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะต้องส่งสำนวนที่ทำการสืบสวนสอบสวนทั้งหมดส่งให้ดีเอสไอด้วย เช่นเดียวกับสำนวนคดีที่อยู่ความรับผิดชอบของตำรวจสอบสวนกลางก็จะส่งให้ดีเอสไอเช่นกัน
ขณะนี้ตำรวจสอบสวนกลางได้ทำหนังสือถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม แล้วโดยจะขอเข้าไปร่วมทำคดีฮั้วประมูลด้วย เพราะจากการสืบขยายผลพบว่า มีคดีการกระทำผิดของลูกน้องกำนันนก 1 คดี แต่ปรากฏว่าในคดีดังกล่าว อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ดังนั้นจึงต้องทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอดำเนินการรื้อคดี เพื่อสืบสวนสอบสวนใหม่อีกครั้ง
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ ระบุว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้าสอบขยายผลอย่างต่อเนื่องและจนพบว่า การฮั้วประมูลโครงการของรัฐนั้นมีการกระทำเป็นขบวนการใหญ่และมีบุคคลหลายระดับ เข้าไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยง
และต้องมีการเข้าไปตรวจค้นในอีกหลายพื้นที่ และในหลายจังหวัด คาดว่า จะเปิดปฎิบัติการร่วมระหว่างกองปราบและดีเอสไอ เพื่อกวาดล้างครั้งใหญ่อีกไม่นานนี้