วันนี้ (10 พ.ย.2566) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย Mr. Nagesh Singh เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทยและคณะ ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียที่ที่เดินทางมาประเทศไทยผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) หรือ "วีซาฟรี" ให้แก่นักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าฯ ททท. แล้ว Mr. Nagesh Singh เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางอินเดียและไต้หวัน ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.2566 – 10 พ.ค.2567 ซึ่งเป็น 2 ตลาดเป้าหมายหลักในต่างประเทศ ที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เพื่อส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาเยือนประเทศไทยในช่วงปลายปี 2566 จนถึงต้นปี 2567 ที่เป็นช่วงไฮซีซันของนักท่องเที่ยวอินเดีย อันจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการได้เป็นอย่างดี
ชาวอินเดียเดินทางถึงไทยผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ วีซาฟรี
นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และ แปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่าการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากอินเดียวันนี้ เป็นการต้อนรับในวันแรกของการยกเว้นการตรวจลงตรานักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่ง ททท. ได้จัดงานต้อนรับพร้อมมอบพวงมาลัยเป็นที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวผู้โดยสารเที่ยวบิน 6E 1639 เส้นทางนิวเดลี-กรุงเทพฯ จำนวน 204 คน ซึ่งเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 16.10 น.
เจ็นเบบี้บูมเมอร์ กลุ่มหลักกำลังจ่ายสูงสุด
นักท่องเที่ยวจากอินเดียที่มาประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Millennials หรือกลุ่มประชากรยุคเจ็น Y หรือ เบบี้บูมเมอร์ และกลุ่มครอบครัวที่เดินทางมาพักผ่อน มักจะเดินทางด้วยตัวเองสูงถึงร้อยละ 75 และเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก (First Visit) ร้อยละ 57 มีวันพำนักเฉลี่ย 7 - 8 วัน และค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 5,500 บาท/คน/วัน
ชาวอินเดียเดินทางถึงไทยผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ วีซาฟรี
นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง เช่น กลุ่มแต่งงาน กลุ่มกอล์ฟ และ กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล โดยในช่วงปี 2567 นี้ ททท. สำนักงานอินเดีย ได้วางแผนที่จะกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวโดยมุ่งให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนให้มากขึ้น ผ่านการนำเสนอสินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยวที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้แก่ การจัดกิจกรรม "Special Promotion Scheme" เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กลุ่มลูกค้าองค์กร กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และกลุ่มที่เดินทางเข้ามาแต่งงานหรือเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษในประเทศไทย
ชาวอินเดียเดินทางถึงไทยผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ วีซาฟรี
การทำ "Joint/Sale Promotion" กับบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ ส่งเสริมการขายแพ็กเกจท่องเที่ยวไทยสำหรับกลุ่มท่องเที่ยวพักผ่อน กลุ่มผู้หญิง กลุ่มสูงวัย และกลุ่มกอล์ฟ และการนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว เพื่อพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวอินเดีย
พร้อมจัดให้มีกิจกรรมสาธิตและการเผยแพร่ข้อมูลท่องเที่ยวไทย จำนวน 2 งาน ได้แก่ "Outbound Travel Market (OTM)" วันที่ 8-10 ก.พ.2567 ณ เมืองมุมไบ และ "South Asia's Travel and Tourism Exchange (SATTE)" วันที่ 22-24 ก.พ.2567 ณ กรุงนิวเดลี
ชาวอินเดียเดินทางถึงไทยผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ วีซาฟรี
สำหรับปี 2566 นี้ ททท. ตั้งเป้าหมายจะมีนักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางมายังประเทศไทยไม่น้อยกว่า 1,425,000 คน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากปี 2565 และคาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 58,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจากมาตรการ Visa Exemption คาดว่าจะเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจเลือกเดินทางมายังประเทศไทยทั้งสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่และกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก (First Visit)
มั่นใจว่ามาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นให้จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางมาประเทศไทยเมื่อสิ้นสุดปี 2566 สูงถึง 1.6 ล้านคน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 65,600 ล้านบาท
อ่านข่าวอื่น :
ไม่ตรงปก! แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท-รุมสับไปไม่รอดกู้เงินอนาคต
"ศิริกัญญา" ชี้รัฐรู้แก่ใจดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตัน ออก พ.ร.บ.เงินกู้ขัดกฎหมาย