วันนี้ (18 ต.ค.2566) นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ความรุนแรงอิสราเอล-ฮามาส และการอพยพคนไทยในอิสราเอล ว่า เมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) เกิดเหตุโจมตีโรงพยาบาลที่ฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ถือว่าผิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง
เพราะในช่วงสงครามจะไม่โจมตีโรงพยาบาล โรงเรียน และต้องไม่มีพลเรือนเป็นเป้า จึงขอแสดงความเสียใจอย่างมาก ซึ่งกระทรวงต่างประเทศเตรียมแถลงท่าทีอย่างเป็นทางการต่อไป
ขณะที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 คน รวมเป็น 30 คน บาดเจ็บ 16 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 17 คน ขณะนี้มีคนไทยอพยพกลับประเทศแล้ว 7 เที่ยวบิน จำนวน 926 คน และบางส่วนเดินทางมาด้วยตัวเอง
ส่วนจำนวนที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับตัวเลขเดินทางจริง อาจมีหลายสาเหตุ เช่น เปลี่ยนใจไม่มา, เดินทางออกจากพื้นที่ไม่ได้ในวันที่ลงทะเบียนไว้ และไปอยู่ในพื้นที่อื่น ๆ โดยในวันนี้ (18 ต.ค.) เวลา 22.00 น. จะมีเที่ยวบินออกจากเทลอาวีฟ ถึงไทยวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) เวลา 13.40 น. จำนวนคนไทยที่ลงทะเบียนไว้ 145 คน และมีสายการบินอิสราเอล ถึงไทยพรุ่งนี้ 80 คน
นางกาญจนา ยืนยันว่า ทุกคนที่ประสงค์กลับไทยจะได้เดินทางแน่นอน โดยสถานทูตจัดให้คนไทยเข้าศูนย์พักพิง เพื่อสแตนด์บายรอเดินทาง โดยเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) มีจำนวน 593 คน
รวมทั้งประสานงานทางการอิสราเอล นายจ้าง และเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินทางไปรับพี่น้องแรงงานในพื้นที่มาเทลอาวีฟ และขอบคุณพี่น้องคนไทยในอิสราเอลที่ช่วยรับแรงงานไทยมายังส่ง เช่น พี่แจ๋ม
ทางการไทยพยายามจัดเที่ยวบินทุกวัน อย่างน้อยวันละ 400 คน และขณะนี้มีแผนลำเลียงไปพักรอในประเทศที่ 3 ที่ดูไบ ซึ่งเที่ยวบินจากเทลอาวีฟมาดูไบ ใช้เวลา 3 ชั่วโมงเศษ โดยจะจ้างเหมาเครื่องบินขนาดใหญ่ ซึ่งรับคนได้จำนวนมากจากเทลอาวีฟ
จากนั้นจะใช้เครื่องบินจากไทยไปรับ ทั้งของกองทัพอากาศ การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย ไลอ้อนแอร์ ซึ่งสถานทูตจะวางตารางการบินในแต่ละวัน พร้อมทั้งจัดโรมแรมให้พักระหว่างรอเดินทาง โดยแผนนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป ซึ่งไฟล์ทบินดูไบ-กรุงเทพฯ แต่ละวันจะมี 2-3 ไฟล์ท ส่วนที่ดูไบ-เทลอาวีฟ รับคนไทยวันละ 600 คน ถือว่าเป็นจำนวนที่มากกว่าปัจจุบัน
จะพยายามขนส่งพี่น้องคนไทยที่อยากกลับประเทศให้มากที่สุด
ส่วนข้อสงสัยในโซเชียลถึงการใช้เส้นทางบินอ้อมนั้น นางกาญจนา กล่าวว่า เราไม่ได้ขอทำการบินผ่านประเทศที่มีความเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับอนุญาต หรืออาจได้รับอนุญาตแต่ล่าช้า เพราะคิดว่าการเสียเวลาบินอ้อม 3-4 ชั่วโมง ดีกว่าการขออนุญาตผ่านประเทศ ที่โดยปกติไม่ให้บินปลายทางไปอิสราเอล ซึ่งต้องขอเป็นกรณีพิเศษและอาจต้องใช้เวลา จึงใช้วิธีขอจากประเทศที่น่าจะได้รับอนุญาตให้บินผ่านแน่นอน
เราไม่อยากเสี่ยง เราไม่อยากรอ การบินอ้อม 3-4 ชั่วโมงคิดว่าไม่น่าเป็นประเด็น
นางกาญจนา กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาอุปสรรคที่สำคัญ คือ พี่น้องคนไทยที่อยู่ในพื้นที่จะเดินทางมาที่ท่าอากาศยานอย่างไร โดยขอให้มาที่ศูนย์พักพิงได้เลย เพื่อทำเอกสาร CI หรือเอกสารแสดงตัวตน ก่อนเดินทางกลับไทย มั่นใจว่าภายในเดือน ต.ค.นี้ หรือช้าที่สุดต้นเดือน พ.ย.จะสามารถอพยพพี่น้องคนไทยกลับประเทศได้ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ ฝากเตือนคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ว่า ปัจจุบันหลังเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลก็จะมีการประท้วงในหลายประเทศ จึงขอให้ติดตามสถานการณ์และมาตรการของแต่ละประเทศ
นางกาญจนา ยังกล่าวถึงเรื่องตัวประกัน ว่า ทุกฝ่ายได้หารือในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาล สถานทูต เพื่อเรียกร้องให้ตัวประกันปลอดภัย และขอให้ปลดปล่อยพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ย้ำว่าขณะนี้ยังเป็นภาวะสงคราม ทางสถานทูตทำงานอย่างเต็มที่
เราพยายามในทุก ๆ ทาง มีสัญญาณบวก ได้ยินมาว่าตัวประกันของไทยน่าจะปลอดภัยอยู่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
2 ฝ่าย "อิสราเอล-กลุ่มอิสลามิกจิฮัด" ปัดโจมตี รพ.ในกาซา
ทั่วโลกประณาม! มือมืดโจมตี รพ.ในกาซา เสียชีวิตอย่างน้อยครึ่งพัน