ความคืบหน้ากรณีแรงงานไทยในอิสราเอลเสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน
วันนี้ (10 ต.ค.2566) น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียในครั้งนี้ พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้พี่น้องที่ห่วงกังวลแรงงานในพื้นที่ โดยยืนยันว่า สถานทูตฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ระดมกำลังติดต่อแรงงานไทยทุกคนในอิสราเอล แต่ขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม โดยเฉพาะพื้นที่ฉนวนกาซา อิสราเอลแบ่งโซนพื้นที่เป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง ซึ่งการช่วยเหลือทั้งชาวไทยและประเทศอื่น ๆ เป็นการเข้าช่วยเหลือทีละโซน จากพื้นที่ที่อันตรายที่สุดก่อน
น.ส.พรรณนภา ยืนยันว่า แรงงานไทยชุดแรกจะออกจากอิสราเอลวันที่ 11 ต.ค.นี้ โดยสถานทูตจะใช้วิธีส่งรถไปรับ หรือนายจ้างพามาส่ง หรือติดต่อรถเหมาจากสถานที่ที่แรงงานอยู่อาศัย พร้อมทั้งตั้งเคาน์เตอร์ที่สนามบินเพื่อออกเอกสารการเดินทางให้แรงงานก่อนขึ้นเครื่อง
จะทำทุกวิถีทางให้พี่น้องแรงงาน 15 คนแรก ได้ขึ้นเครื่องกลับไทย ยกเว้นเหตุสุดวิสัยสนามบินปิด
น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า วันที่ 18 ต.ค. มีไฟลต์บินมีจำนวน 80 ที่นั่ง โดยให้เจ้าหน้าที่โทรกลับผู้ที่แจ้งความประสงค์เพื่อเตรียมการตั๋วเครื่องบิน ซึ่งการเดินทางในขณะนี้ไม่ง่ายนัก บางพื้นที่เริ่มเข้าได้แล้ว แต่บางพื้นที่โดยเฉพาะใกล้กาซา ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเลย แต่ยืนยันจะพยายามช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยให้ถึงที่สุด
ขณะนี้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และสายด่วน ซึ่งเตรียมเพิ่มสาย เพราะหลายคนติดต่อไม่ได้ รวมทั้งโทรกลับไปยังผู้ที่ให้เบอร์ติดต่อไว้ ส่วนผู้ที่ไม่มีเอกสารเดินทางติดตัวนั้น ทางสถานทูตฯ จะออกเอกสารการเดินทาง ที่เรียกว่า CI ให้แรงงานไทย โดยจะรับแรงงานมาถึงก่อนเวลาเครื่องออก 4-5 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการเรื่องเอกสาร
จะอพยพผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในทางการข่าวมั่นใจเพียงใดว่าผู้ที่ถูกจับตัวไปนั้นปลอดภัย น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า เรื่องของตัวประกันนั้น ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามประสานผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล และกองทัพ ซึ่งอิสราเอลให้คำมั่นว่าจะพยายามดูแลคนทุกชาติอย่างเท่าเทียมกัน จึงฝากความหวังว่าพี่น้องชาวจะได้รับการช่วยเหลือ พร้อมกับคนจากชาติอื่น ๆ โดยเร็ว ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลพิกัดตัวประกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับรายงานแรงงานถูกส่งขายต่อแล้วหรือไม่ น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ได้ติดต่อกับทางการอิสราเอลในเรื่องนี้ โดยแจ้งว่าเป็นการนำแรงงานมาจากพื้นที่เสี่ยงภัย จากนั้นนำไปฝากที่คิบบุตซ์ หรือโมชาฟ ซึ่งเป็นชุมชนการเกษตรในสถานที่ที่ปลอดภัย เป็นลักษณะเหมือนการย้ายงาน แต่ส่วนตัวเข้าใจว่า แรงงานอาจรู้สึกว่าเพิ่งหนีภัยสงครามมาแล้วต้องทำงานเลย โดยได้แสดงความห่วงกังวลกับทางการอิสราเอลว่าขอให้มีช่วงพักก่อน ซึ่งทางฝ่ายอิสราเอลระบุว่าเป็นการให้แรงงานได้ย้ายงาน เพื่อให้มีรายได้จากการทำงานต่อ
ส่วนผู้เสียชีวิตนั้น ทางการอิสราเอล ระบุว่า ขอให้ช่วยเหลือผู้ที่มีชีวิต และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยก่อน จึงไม่สามารถยืนยันข้อมูล พิสูจน์อัตลักษณ์ และทำเอกสารต่าง ๆ ของผู้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งกรณีจ่ายเงินชดเชยให้ญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่ง น.ส.พรรณนภา ยอมรับว่า อาจยังไม่สามารถนำผู้เสียชีวิตกลับไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่สถานทูตฯ จะพยายามเร่งอย่างเต็มที่ เพื่อให้ญาติผู้เสียชีวิตจากภัยสงครามได้รับในการชดเชยจากอิสราเอลด้วย
ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองคนไทยและคนชาติอื่น ๆ ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันมากกว่า 100 คน ขอให้ยังมีชีวิตอยู่และได้กลับบ้านด้วยความปลอดภัย ซึ่งทางการอิสราเอลได้ให้ความมั่นใจว่าจะพยายามช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอกอัครราชทูตรัฐปาเลสไตน์ฯ ย้ำพร้อมช่วยคนไทยเต็มที่
กต.ยัน 4 คนเจ็บในอิสราเอลกลับไทยชุดแรก-ล็อต 2 อีก 80 คน
"คนไทย" ในอิสราเอลขอกลับ 2,990 คน สั่งตามเคสแรงงานถูกส่งขายต่อ
กต.เผย "แรงงานไทย" ในอิสราเอล ตาย 18 คน แจ้งขอกลับ 3,000 คน
เปิดแผนอพยพคนไทยจากอิสราเอล
รู้จัก "กลุ่มฮามาส" กองกำลังติดอาวุธ โจมตีอิสราเอลรุนแรงสุดในรอบ 50 ปี