ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผบก.ทล.เสียใจ-วอนให้เข้าใจ “ผกก.เบิ้ม” เครียดจนเกิดเหตุสลด ไม่อยากให้เกิดศพที่ 3

อาชญากรรม
12 ก.ย. 66
18:27
3,488
Logo Thai PBS
ผบก.ทล.เสียใจ-วอนให้เข้าใจ “ผกก.เบิ้ม” เครียดจนเกิดเหตุสลด ไม่อยากให้เกิดศพที่ 3
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รรท.ผบก.ทล.ระบุเสียใจทุกเหตุการณ์ วอนหยุดวิจารณ์ หวั่นเกิดศพที่ 3 ขอให้เข้าใจ “ผกก.เบิ้ม” เครียดมาก หลังสูญเสีย “สารวัตรแบงค์” จนต้องส่งคนประกบ แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุสลดจนได้

วันนี้ (12 ก.ย.2566) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รรท.ผบก.ทล.) เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ตำรวจทางหลวงตกเป็นประเด็นกับสังคมอีกครั้ง ตั้งแต่เหตุฆาตกรรม พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ไปจนถึงการกระทำอัตวินิบาตกรรมของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือผกก.เบิ้ม ผกก.2 บก.ทล. ที่ยิงตัวเองเสียชีวิตเมื่อวานนี้ (11 ก.ย.2566)

“ผกก.เบิ้ม” เครียดตลอดเวลาหลังลูกน้องตาย

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับการจากไปของสารวัตรแบงค์ และผู้กำกับเบิ้มเป็นอย่างมาก เพราะทั้งสองคนเป็นน้องที่น่ารักและทำงานด้วยกันตลอด โดยเฉพาะผู้กำกับเบิ้ม เขาไม่เคยด่าลูกน้องเลยสักครั้ง มีใจที่พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนและคนอื่น ๆ

จากการเสียชีวิตของสารวัตรแบงค์ ผู้กำกับเบิ้มมีอาการเครียด เพราะคิดในหัวตลอดว่า เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องเสียชีวิต ผู้กำกับเบิ้มเสียใจอย่างมากถึงขนาดนอนไม่หลับ ทำให้หลายคนต้องมาร้องขอความช่วยเหลือจากตน

วันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย.เวลาประมาณ 15.00 ก่อนการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้มไม่นาน ตนได้เรียกผู้กำกับเบิ้มมาพบ เพื่อมาพูดคุยปรับทุกข์กัน พร้อมเพื่อนตำรวจอีกหลายคน ถึงขนาดไปช่วยนวดไหล่ผู้กำกับเบิ้มด้วย เพื่อให้ผู้กำกับเบิ้มสบายใจ หลังผู้กำกับเบิ้มมีอาการเครียดอย่างมากจนถึงขนาดมีอาการเหม่อลอย

ห่วงจนต้องมีคนประกบ-ปิดโทรศัพท์-งดรับสื่อ

จึงได้บอกให้ผู้กำกับเบิ้มปิดโทรศัพท์ และเอาโทรศัพท์ไปเก็บไว้ที่คนอื่น เพื่อให้ผู้กำกับเบิ้มตัดวงจรจากโลกภายนอก และให้พักผ่อนเพียงพอ และลดการเสพโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะช่วยไม่ให้เครียดมากขึ้น รวมทั้งให้ลูกน้องกับเพื่อนสนิทช่วยผู้กำกับเบิ้ม ประกบดูแลสภาพจิตใจของผู้กำกับเบิ้ม พร้อมมอบยานอนหลับให้กิน โดยได้นัดหมายว่า ในวันจันทร์ที่ 11 ก.ย. ให้ผู้กำกับเบิ้มมาพบประมาณ 09.00 น.

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล.

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล.

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล.

จากนั้นบรรดาเพื่อนและลูกน้องก็พาผู้กำกับเบิ้มไปทานข้าว แล้วเปิดห้องโรงแรมให้พักผ่อน ปรากฏว่า เวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 11 ก.ย. เพื่อนผู้กำกับเบิ้มขึ้นไปรับที่ห้อง ก็เห็นว่าผู้กำกับเบิ้มไม่อยู่แล้ว พอมาไล่ภาพวงจรปิดก็พบว่า ผู้กำกับเบิ้มได้ออกจากโรงแรมไปตั้งแต่ช่วงประมาณตี 4 โดยลงทางบันไดหนีไฟ และมาเรียกรถแท็กซี่สีชมพูหน้าโรงแรม

ทั้งหมดจึงเชื่อได้ว่าผู้กำกับเบิ้มน่าจะเดินทางกลับไปยังบ้านพัก จึงเดินทางไปตามหาผู้กำกับเบิ้มที่บ้านพัก ซึ่งตอนนั้นเดินทางกันไป 4 คน พอไปถึงที่ประตูรั้วบ้านก็ให้ลูกน้องไขกุญแจ ส่วนประตูบ้านก็โทรไปขอรหัสจากครอบครัวของผู้กำกับเบิ้ม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับภาพที่ไม่ควรจะได้เห็น

ทำให้ทั้ง 4 คนที่ไปตามผู้กำกับเบิ้มที่บ้านต่างร้องไห้เสียใจ ซึ่งในส่วนประเด็นเรื่องโทรศัพท์มือถือของผู้กำกับเบิ้ม ตนจะเป็นคนรับผิดชอบ ส่งคืนให้กับครอบครัวเอง

จะดูแลครอบครัว 2 ตร.ให้ดีที่สุด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะยังคงต้องทำงานตามจิตวิญญาณของความเป็นตำรวจต่อไป พร้อมกันนี้จะจัดการดูแลสวัสดิการ ให้แก่ครอบครัวตำรวจทั้งสองอย่างเต็มที่ จะส่งเสียบุตรของตำรวจทั้งสองจนเรียนจบ และจะดูแลเปรียบเสมือนลูก

รวมทั้งจะจัดตั้งมูลนิธิที่ใช้ชื่อตำรวจทั้งสองเพื่อดูแลเพื่อนข้าราชการตำรวจคนอื่น ๆ และจะพิจารณาสร้างอนุสาวรีย์เป็นเกียรติให้แก่ตำรวจทั้ง 2 นาย เพราะเนื่องจากตำรวจทั้ง 2 นายนั้นเป็นตำรวจที่ดีและรับผิดชอบต่อหน้าที่สูงมาก การเสียชีวิตของตำรวจทั้ง 2 นายทำให้ตัวเองและทุก ๆ คนเสียใจและเสียดายบุคลากรผู้มีความสามารถเช่นนี้ นอกจากนี้จะยังคงต้องดูแลสภาพจิตใจของตำรวจทางหลวงที่เหลือ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังได้ขอร้องผ่านสื่อมวลชน 3 ประเด็นหลัก ๆ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเกิดอาการเครียดจนเกิดศพที่ 3 ขึ้นมาอีก ประเด็นแรก คือเรื่องของตำรวจที่เดินทางไปร่วมงานกินเลี้ยงในคืนเกิดเหตุ ทุกคนไม่ต้องการให้ใครเข้าไปตาย แต่หลังจากเกิดเหตุยิงสารวัตรแบงค์แล้วนั้น ได้แบ่งตำรวจออกเป็น 3 กลุ่ม

วอนให้เข้าใจ ตร.ในที่เกิดเหตุ-เสนอข่าวตามจริง

กลุ่มแรกคือกลุ่มที่พาสารวัตรแบงค์ และผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตำรวจกลุ่มนี้ อยากจะร้องขอความเป็นธรรมว่า อย่าไปด่าหรือโจมตีพวกเขา พวกเขาทำตามหน้าที่อย่างชัดเจนแล้วโดยเฉพาะคราบเลือดที่ติดอยู่กับเสื้อของตำรวจกลุ่มนี้ ก็ย่อมชัดเจนแล้วว่า พวกเขาไม่ได้หนี ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ให้การช่วยเหลือตามหน้าที่ของพวกเขาแล้ว ขอให้ชุดสืบสวนละเว้นที่จะจับจ้องเอาผิดกับกลุ่มเหล่านี้

ส่วนตำรวจอีก 2 กลุ่ม คือพวกที่ช่วยเหลือซ่อนเร้นทำลายพยานหลักฐาน และพวกที่หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ตำรวจกลุ่มนี้ชุดสืบสวนสามารถดำเนินคดีได้อย่างเต็มที่

ประเด็นที่ 2 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ขอร้องให้สื่อมวลชน ช่วยกันนำเสนอข่าวเหตุการณ์นี้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่า สื่อมวลชนมีจรรยาบรรณมากพอ ที่จะนำเสนอความจริง แต่ขอร้องว่า อย่าจุดประเด็นหรือนำประเด็นในโซเชียลมานำเสนอ จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ และทำให้ตำรวจที่ไม่มีเจตนาพาคนไปตาย ถูกสังคมโจมตีว่า ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ รวมทั้งให้เกียรติการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าไปกดดันสร้างประเด็นมากเกินไปจนตำรวจเครียด

ประเด็นสุดท้าย ร้องขอไปถึงพี่น้องประชาชน ซึ่งเข้าใจดีว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และอย่าปั่นกระแส หรือไหลไปตามเพจปลุกปั่น จนทำให้เกิดประเด็นไปมากกว่านี้

ขอให้ถอยคนละก้าว เพื่อไม่ให้เกิดศพที่ 3

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ขอร้องว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันถอยคนละก้าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดศพที่ 3 ขึ้นมาอีกเพราะทุกคนก็เครียดมากพอแล้ว ทุกคนต่างเสียใจและไม่มีใครนิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังจากนี้คงไม่ให้ข่าวอะไรเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้มอีก หากไม่มีประเด็นที่ต้องออกมาพูด ไม่ว่าใครก็ตามรวมไปถึงอดีตนายตำรวจเก่า ก็มีสิทธิ์ออกมาแสดงความคิดเห็นได้ แต่ก็ขอวิงวอนสื่อมวลชน ให้ช่วยนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏ รวมทั้งเคารพให้เกียรติการทำงานของชุดสืบสวน มากกว่าที่จะจุดประเด็นจากโซเชียลต่าง ๆ จนกดดัน และตอกย้ำความเครียดของเจ้าหน้าที่จนอาจจะเกิดศพที่ 3 ขึ้นมาอีกได้

ผมเคยทำงานร่วมกับผู้กำกับเบิ้ม มาตั้งแต่สมัยอยู่กองปราบฯ ด้วยกัน ผู้กำกับเบิ้มเป็นคนมีอัธยาศัยมีน้ำใจกับพี่กับน้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าผู้กำกับเบิ้มเป็นทหารตามรอยพ่อของเขา เขาก็จะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งซื่อสัตย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพูดถึงตรงนี้ ปรากฏว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้หยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะมีอาการสะอื้นร้องไห้ ก่อนที่จะร้องขอสื่อมวลชนทั้งน้ำตาอีกครั้งว่า ตัวเข้าใจว่าสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่เสนอข่าวตามที่ประชาชนอยากรู้ แต่ก็เชื่อมั่นว่าสื่อมีจรรยาบรรณ

จึงขอให้ช่วยกันลดลงมาหน่อย ช่วยให้คนที่ตายไปแล้วนอนหลับ ไม่มีบาดแผลใด ๆ อีก โดยเฉพาะผู้กำกับเบิ้มที่เขาบริสุทธิ์ใจ และได้รับผิดชอบแทนน้องชายไปแล้ว ย้ำว่า ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปและไม่อยากให้มีศพที่ 3 เกิดขึ้นอีก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดใจเพื่อน นรต.55 เชื่อ "ผกก.เบิ้ม" จบชีวิตเพราะรู้สึกผิด

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-ญาติ รับศพ "ผกก.เบิ้ม" สวดคืนแรกวัดตรีทศเทพฯ

พบแล้วมือถือ "ผกก.เบิ้ม" นายสั่งให้เก็บ-ผบ.ตร.แจงรอยเลือดรอบศพ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง