ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้รับความสนใจอีกครั้งหลังมีประเด็นนายตำรวจระดับผู้บังคับการและรองผู้บังคับ ถูกเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แจ้งความดำเนินคดี ฐานเรียกรับเงินมากถึง 140 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นเรื่องนี้มาจากชุดเฉพาะกิจ ในนาม ศปอส.ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นำหมายจับและหมายค้นเข้า 3 จุด โดยจุดแรก หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตคลองสามวา กรุงเทพฯ จับผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นายเป้
จุดที่ 1 หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี จุดนี้ไม่พบใครเพราะเป้าหมายไปต่างประเทศ และจุดที่ 3 เป็นหมู่บ้านเดียวกับจุดที่ 2 แต่เป็นบ้านคนละหลัง จุดนี้ก็ไม่พบเพราะเป้าหมายไปธุระในกรุงเทพฯ
สำหรับนายเป้ที่ถูกจับได้นำตัวไปแจ้งข้อหาที่ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และพบ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการภูธรจังหวัดชลบุรี โดยมีการเจรจาเรียกรับเงินกันที่จุดนี้ พล.ต.ต.กัมพล แจ้งเป้ว่ามีทางออก และพูดอีกว่า "เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา"
หลังเจรจากับเป้ยังมีการเรียกรับเงินจากเครือข่ายคนอื่น ๆ อีกหลายคน โดยจากข้อมูลของผู้เสียหาย มีรายงานว่า มียอดเงินรวมมากถึง 140 ล้านบาท
คดีนี้กลายเป็นข่าวขึ้นมาหลัง พ.ต.อ.วงกต สุวรรณวัตน์ ผู้กำกับการ สภ.คูคต ทำหนังสือรายงานเหตุด่วนถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง แจ้งว่า ได้มีการรับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.กัมพล และพวกรวม 10 คน
รวม 3 ข้อหา ทั้งเป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
"วิโรจน์" ทวีต "ผู้การฯ ชลบุรี" อาจโดนกฎหมายหลายข้อ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความหลังเห็นข่าวการเรียกรับเงินจากเครือข่ายเว็บพนัน โดยข้อความระบุว่า "เป้รักผู้การเท่าไหร่ เป้เขียนมา" เป็นประโยคบอกรักโรแมนติก ที่ฟังแล้วลมสันดานขึ้นทันที" "เป้เลยเขียน 143 149 150 แล้วก็พ่วง 157 จัดไปจุก ๆ" โดยตัวเลขที่ นายวิโรจน์ทวิตนั้น คาดว่าเป็นมาตราของประมวลกฎหมายอาญา ที่สามารถเอาผิดในกรณีนี้
สำหรับ มาตรา 143 คือ ผู้ใดเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 - 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 150 กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดยเห็นแก่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ซึ่งตนได้เรียกรับ หรือยอมจะรับไว้ก่อนที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 - 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท
และมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รีดไถอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ความผิดเฉพาะบุคคล
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และอดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า สะท้อนภาพการปฏิรูปตำรวจในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล้มเหลว และการรีดไถในลักษณะนี้ในวงการตำรวจกลายเป็นเรื่องปกติ กรณีนี้มีความชัดเจนว่า อาจจะรีดไถกันเป็นระบบไม่ใช่ทำโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ยิ่งชัดเจนว่าการปฏิรูปตำรวจนั้นล้มเหลว
พ.ต.อ.วิรุตม์ เสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำรองราชการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมพวกเอาไว้ก่อน ไม่ควรย้ายให้มาทำงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะการย้ายมาถือว่าเป็นการช่วยเหลือ โดยเปรียบเทียบว่าหากเป็นบริษัทเอกชนมีผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดก็จะถูกไล่ออก หรือ ทำทัณฑ์บน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ผบ.ตร." ให้ 8 ตร.เข้า ศปก.ตร.ตั้ง "บิ๊กโจ๊ก" สอบปม รีดทรัพย์ 140 ล้าน