(6 พ.ค.2566) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหอบหืดเป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศร้อนจัด เย็นจัด ฝนตก อากาศแห้งหรือชื้น เชื้อโรค ไรฝุ่น แมลงสาบ เกสรหญ้า วัชพืช ฝุ่นควันต่างๆ น้ำหอม น้ำยาหรือสารเคมี สัตว์เลี้ยง
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ของผู้ป่วยโรคหอบหืด ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการไอ หายใจไม่สะดวก หากผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง การอักเสบเรื้อรังของหลอดลมนี้อาจนำไปสู่การเกิดพังผืดและการหนาตัวอย่างมาก ซึ่งมีผลทำให้มีการอุดกั้นของหลอดลมอย่างถาวร
นพ.เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของผู้ป่วยโรคหอบหืดมักจะมีอาการ
- หายใจลำบากติดขัด มีเสียงหวีด
- เหนื่อยหอบเวลาออกแรง
- แน่นหน้าอก
- เยื่อบุหลอดลมบวม ไอ มีเสมหะเหนียวข้น ซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของหลอดลมทั้งใหญ่และเล็ก
หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยอาการเพื่อรับการรักษา
ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดควรหลีกเลี่ยงหรือขจัดสิ่งต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้หรือกระตุ้นอาการหอบหืด เช่น
- หมั่นทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะ ห้องนอน ห้องทำงาน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ พัดลม เครื่องปรับอากาศ
- พยายามเปิดหน้าต่าง ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้แสงแดดส่องถึง
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงสาบ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการสูบหรือรับควันจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
นอกจากนี้ควรใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงภาวะเครียด ซึ่งจะเห็นได้ว่าโรคหอบหืดนั้นเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงสิ่งที่คิดว่าจะทำให้เกิดอาการเพื่อป้องกันหรือลดการเสียชีวิตจากโรคหอบหืด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :