วันนี้ (24 ส.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดความวุ่นวายด้านหน้าสถานที่จัดประชุมรัฐมนตรีเอเปค ด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 (MMRF5) ที่มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ ร่วมกับ 21 เขตเศรษฐกิจที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน จ.เชียงใหม่
ในช่วงเช้า หลังกลุ่มกลุ่มชาติพันธุ์ เกษตรกรหลายร้อยคน ถือนำป้ายประท้วง และเคลื่อนขบวนมาที่ด้านหน้าโรงแรม เพื่อขอให้รับฟังเสียงภาคประชาชน โดยต้องการให้นายวราวุธ ศิลปอาช่า รมว.ทส. นำข้อเรียกร้องเข้าคุยผู้นำนานาชาติที่มาร่วมประชุม และไม่อยากให้ผู้นำเอเปค ทำข้อตกลงร่วมกับทางรัฐบาลไทย ที่จะมีนโยบายปลูกป่าเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับคาร์บอน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมจะขอจัดเวทีคู่ขนาน แต่มีการตรึงกำลัง และวางรั้วกั้น
ต่อมาเกิดการกระทบกระทั่ง และปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม กับตำรวจ กลุ่มผู้ชุมได้พยายามดันรั้วกั้นเพื่อจะเข้าไปด้านใน ทำให้หน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย และทางผู้ชุมนุมก็บาดเจ็บเล็กน้อยหลายคน

ภาพ: ทวิตเตอร์ Golffu @lookgolffu
ปลัดทส.ชี้มาตรการรักษาความปลอดภัยรัฐมนตรี
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ทราบเรื่องเหตุการณ์ที่ด้านหน้าโรงแรมแล้ว เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางจังหวัดต้องการดูแลความปลอดภัยให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นระดับรัฐมนตรี และคงไม่มีใครอยากใช้ความรุนแรง
เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) กลุ่มผู้ชุมนุมมายื่นหนังสือ 7 ข้อกับรมว.ทสแล้ว และทาง ทส.ก็รับหนังสือไว้พิจารณา เข้าใจว่าจะมาทวงถาม แต่อาจไม่ได้เข้ามาในสถานที่จัดประชุม ยืนยันว่าไม่มีอะไร เป็นมาตรการดูแลความปลอดภัย และการประชุมก็แล้วเสร็จด้วยดี

ภาพ: ทวิตเตอร์ Golffu @lookgolffu
ภาพ: ทวิตเตอร์ Golffu @lookgolffu
ไทยหนุนภาคป่าไม้-ดูดซับคาร์บอน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.ในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 แถลงผลการประชุม MMRF5 ว่า ประเทศไทย นำเสนอให้เขตเศรษฐกิจพิจารณานำหลัก BCG Economy Model ไปสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้กรอบการทำงานของเอเปค เพื่อเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน
โดยมีทรัพยากรป่าไม้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการสร้างความสมดุล ระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจและประชาชนในท้องถิ่น
รวมทั้งการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพิ่มการดูดซับก๊าซเรือนกระจก ให้ห้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
