ย้อนคดีค้ามนุษย์ "โรฮิงญา" ถึง พล.ต.ต.ปวีณ ปัญหาที่ยังซุกใต้พรม

ปี 2558 ไทยพบค่ายกักกันโรฮิงญาที่เขาแก้ว จ.สงขลา กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไทยกลายเป็นทางผ่านของบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งครั้งนั้น สาวพบตัวการที่มียศถึง "พล.ท." แต่ 6 ปีผ่านไป ปัญหาการค้ามนุษย์ไม่หมด และยังพบปัญหาซุกใต้พรม อย่างการโยกย้ายตำรวจที่ไม่เป็นธรรม 

แคมป์ที่พัก ซึ่งอยู่กลางป่าบนภูเขา พื้นที่ชายแดนรอยต่อไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ถูกตำรวจเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2558 พบว่าเคยเป็นสถานที่ควบคุมชาวโรฮิงญา ทางการคาดว่า เคยมีชาวโรฮิงญามาพักเพื่อผ่านไปต่อมากกว่า 10,000 คน

โดยในครั้งนั้น พบศพชาวโรฮิงญา 36 ศพถูกฝังดิน คาดว่าเสียชีวิตเพราะขาดอาหาร โดยยังพบร่องรอยถูกทำร้ายตามร่างกาย

 

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในขณะนั้น รับผิดชอบการทำคดี และผลสอบชาวโรฮิงญา ที่รอดชีวิต บอกว่าต้องเสียเงินค่านายหน้ามากถึงหลัก 10,000 บาท เพื่อให้ขึ้นเรือจากเมียนมาลี้ภัย ไปมาเลเซีย แต่พวกเขากลับถูกนำตัวมาขึ้นฝั่ง และถูกกักตัวไว้ที่นี่ และพวกเขายังอ้างว่า ถูกขบวนการค้ามนุษย์ทำร้ายร่างกายข่มขู่เรียกค่าไถ่ หรือถูกส่งตัวไปค้าแรงงาน

การสืบสวนขณะนั้นเชื่อมโยงไปถึงตำรวจ ทหาร และพลเรือน เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์นี้ กระทั่งต่อมา ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหามากถึง 153 คน ในจำนวนนี้ พล.ท.มนัส คงแป้น ที่พบหลักฐานการโอนเงินมากถึง 14 ล้านบาท

 

ตำรวจสรุปสำนวนคดีส่งอัยการสูงสุด และพล.ท.มนัส เสียชีวิตระหว่างการถูกดำเนินคดีในเรือนจำ ล่าสุดคดีในชั้นศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษผู้ต้องหาไปแล้ว 75 คน

หลังคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พล.ต.ต.ปวีณถูกสั่งย้ายไป รักษาราชการที่ชายแดนภาคใต้ ต่อมาพล.ต.ต.ปวีณ ลาออกจากตำรวจเพราะมองว่า การถูกย้ายไปที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจไม่ปลอดภัยเพราะเคยทำคดีค้ามนุษย์มาก่อน หลังการลาออก พล.ต.ต.ปวีณ ตัดสินใจขอลี้ภัยไปอยู่ออสเตรเลีย

จากวันนั้นนานถึง 6 ปี 3 เดือนพล.ต.ต.ปวีณ ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง เมื่อนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกลออกมาเปิดเผยข้อมูล การขอลี้ภัย และเรื่องราวการทำคดีค้ามนุษย์อีกครั้ง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติในสภาผู้แทนราษฏรเมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) และนำมาสู่การเปิดใจครั้งแรกของพล.ต.ต.ปวีณ ที่ยืนยันว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง

"โรม" เปิดปมค้ามนุษย์ในไทยที่ยังไม่ถูกแก้ไข

ขณะที่พล.ต.ต.ปวีณ ปรากฎตัวผ่านระบบการประชุมออนไลน์ระหว่างการแถลงข่าวเปิดใจว่า หากมีโอกาสก็อยากกลับประเทศไทย เพราะมีคนที่รักและครอบครัวอยู่ที่นี่ พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาพยายามเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ แต่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก และไม่มีเรื่องใดจะฝากถึงผู้นำรัฐบาล แต่ขอฝากถึงเพื่อนข้าราชการตำรวจที่ต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบเดียวกัน ให้ซื่อตรงต่อหน้าที่ ยึดประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง

สำหรับการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ชี้ประเด็นปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาท้วงติง และเสนอแนะการทำงานของรัฐบาล ในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติระหว่าง 17-18 ก.พ.ที่่ผ่านมา โดยนายรังสิมันต์ พยายามเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีชี้แจงในประเด็นค้ามนุษย์

โดยระบุว่า หากไม่ชี้แจง จะถือว่านายกรัฐมนตรีใจดำอำมหิต ทำให้ ส.ส.พลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วง จนประธานในที่ประชุม ต้องขอให้นายรังสิมันต์ ถอนคำพูด ก่อนจะเชิญออกจากห้องประชุมตามข้อบังคับ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดใจครั้งแรก! "พล.ต.ต.ปวีณ" คดีค้ามนุษย์-แต่ต้องลี้ภัย

"โรม" เปิดแผลเก่ากลางสภาฯ "ขบวนการค้ามนุษย์" ภาคใต้