วันนี้ (29 พ.ค.2562) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ลง พื้นที่ตรวจสอบเพนียดคล้องช้าง จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากชาวบ้านได้ร้องเรียนว่ากรมศิลปากรได้จัดสรรงบประมาณกว่า 35 ล้านบาท เพื่อบูรณะเพนียดคล้องช้าง ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และตั้งอยู่ในพื้นที่ของมรดกโลก โดยการปรับปรุงพลับพลา ที่ประทับที่ใช้ในการทอดพระเนตรการคล้องช้าง ศาลปะกำ และเสาตะลุงรอบเพนียดคล้องช้าง โดยดำเนินการมาตั้งแต่เดือนส.ค.2561 ซึ่งเสาเพนียดด้านนอกพลับพลาที่ประทับไม่เป็นไปตามรูปแบบทางประวัติศาสตร์
ภาพ: ศรีสุวรรณ จรรยา
จากการตรวจสอบ และพูดคุยกับชาวบ้านพบว่า การบูรณะดังกล่าวชาวบ้านในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาวิพากษ์วิจารณ์กันมากในขณะนี้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนนำเสาตะลุง มาทดแทนเสาเดิมที่ผุกร่อนชำรุด โดยไม่เป็นไปตามรูปแบบเดิมที่มีลักษณะหัวมน แต่กลับตัดหัวเสาตามแนวรั้วด้านนอกออกทั้งหมด ทำให้ขาดอัตลักษณ์ที่ประชาชนเคยเห็นเสาเพนียดที่มีหัวมนมาแต่กาลอดีต กลายเป็นเสาหัวตัด เหมือนเสาคอกวัว คอกควาย เป็นภาพที่อุจาดทัศน์
การกระทำดังกล่าว อาจชี้ได้ว่าเป็นการบิดเบือน และทำลายรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ไม่สมควรที่จะให้อภัยได้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอเรียกร้องให้อธิบดีกรมศิลปากร และ รัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรม คณะกรรมการมรดกโลก ได้เร่งแก้ไขปัญหา
ภาพ: ศรีสุวรรณ จรรยา
โดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน และชำระประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของหลักเพนียดคล้องช้างว่ารูปแบบที่แท้จริงเป็นอย่างไร และในขณะสอบสวนควรย้าย ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มาประจำที่กระทรวงไว้พรางก่อน พร้อมกับการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้รอบด้านตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ
ทั้งนี้ หากข้อเรียกร้องนี้ไม่มีการตอบรับเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามหลักฐานทางประวัติ ศาสตร์ สมาคมฯจะร่วมมือกับชาวอยุธยาในการนำความขึ้นฟ้องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ระงับและเพิกถอนเพนียดคล้องที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ที่ไม่ถูกต้องต่อไป
ภาพ: ศรีสุวรรณ จรรยา