วันนี้ (7 พ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐเป็นไปอย่างเงียบเหงา แกนนำของพรรคได้ประชุมตามปกติในเวลา 11.00 น. โดยแกนนำพรรคพลังประชารัฐจอดรถไว้ชั้นใต้ดินและขึ้นไปที่ทำการ ชั้น 7 ซึ่งไม่ปรากฏตัวให้ผู้สื่อข่าวได้พบเห็น หรือพูดคุย โดยในที่ประชุม มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง, นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์หาเสียง กทม., นายอิทธิพล คุณปลื้ม กรรมการบริหารพรรค, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค เป็นต้น
สำหรับการประชุมแกนนำพรรควันนี้ เป็นการประเมินสถานการณ์ของการเมือง ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีการพูดถึงกรณีหุ้นสื่อที่ปรากฏรายชื่อว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ รวมอยู่ด้วย และยังไม่มีการหารือถึงเก้าอี้รัฐมนตรีของบุคคลในพรรค ทั้งนี้ การประชุมมีการหยิบยกประเด็นการรับรอง ส.ส.ของ กกต.มาพิจารณาด้วย โดยรอดูท่าทีของ กกต. ซึ่งหาก กกต.รับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ และศาลรัฐธรรมนูญมีการยืนยันสูตรในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา โดยแกนนำพรรคพลังประชารัฐ มั่นใจว่าขณะนี้มีเสียงเพียงพอตั้งรัฐบาล เพราะมีเสียง ส.ส.มากกว่า 250 เสียง มากกว่าขั้วพรรคเพื่อไทยที่มีเสียง ส.ส. 244 เสียง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการรับรองว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ในวันนี้ จะไม่มีปัญหา เพราะว่าที่ ส.ส.แต่ละคนปฏิบัติตามหลักของกฎหมายและบางส่วนได้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงต่อ กกต.แล้ว ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่อ กกต. รับรองผล ส.ส.ครบเสร็จแล้ว พรรคพร้อมเดินหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลตามกลไกทางการเมืองเต็มรูปแบบ
ด้านนายธนกร กล่าวว่า หลัง กกต.รับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการ มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลได้แน่นอน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ทั้งนี้ ขอพรรคการเมืองเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์และสงบเรียบร้อย เพื่อให้รัฐบาลที่เข้ามาทำงานต่อจากนี้ ทำงานได้ราบรื่นและพัฒนาประเทศให้รุ่งเรือง จึงอยากฝากทุกพรรคขอให้ยอมรับในกติกา มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมและศาล โดยขออย่าเอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน และทำให้ประเทศวุ่นวายเหมือนกับบางฝ่ายที่ต้องการ ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดของให้นำเข้าสู่สภา และอย่าเอาประชาชนเดินถนนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจหลังจากนี้จะดีขึ้นตามลำดับ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อยแล้ว