วันนี้ (3 เม.ย.2562) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงกรณีกล่าวหา กกต.เลือกข้าง ไม่โปร่งใส "ชวลิต" อ้างได้ข้อมูล "กกต." ถูกบีบให้สอย ส.ส.ซีกตรงข้ามขั้วอำนาจ
ตามที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า "ได้รับข้อมูลมาว่ามีความพยายามเร่งรัดให้มีการเลือกปฏิบัติสอยผู้สมัคร ส.ส. เพื่อประโยชน์ในการตั้งรัฐบาลของผู้ที่มีความคิดสืบทอดอำนาจ ซึ่งสร้างความอึดอัดใจกับฝ่ายประจำของ กกต. อย่างยิ่ง
ความจริงแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้สมัครจากพรรคการเมืองหนึ่งที่มีพลังดูดอดีต ส.ส.ไปตั้งพรรคการเมืองรองรับการสืบทอดอำนาจควรจะถูกสอยเป็นที่สุด เพราะก่อนวันเลือกตั้งมีการหว่านเงินเป็นม่านสีม่วงปลิวว่อนในแต่ละเขตเลือกตั้ง กว่าที่พวกตนจะฝ่าด่านมาได้ล้วนยากเย็นแสนเข็ญ ทั้งนี้ ก็ด้วยความอุ้มชูของประชาชน ในข้อเท็จจริงประชาชนทราบดีว่า พรรคการเมืองใดทุ่มเงินมหาศาลในการซื้อเสียง หาก กกต.เลือกปฏิบัติ มุ่งตรวจสอบเพื่อประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ ประเทศไทยจะไม่เหลือความเชื่อมั่นใดๆ เลย"
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอชี้แจงว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใสและเที่ยงธรรม การพิจารณาว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในสำนวนที่ร้องเรียนมายังคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าเรื่องดังกล่าว มีมูลว่ากระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งจนสามารถวินิจฉัยได้ว่าการกระทำ ดังกล่าวเป็นความผิดจริง จึงจะนำไปสู่ขั้นตอนการเสนอขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น การให้ข่าวต่อสื่อมวลชนของนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
ยังอยู่ขั้นไต่สวนใบส้ม-เหลือง-แดง
ส่วนกรณีข่าวเกี่ยวกับการได้รับรายงานจากแกนนำพรรคการเมืองว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านใน 117 เขตเลือกตั้ง และ กกต. อาจสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเขตพื้นที่จังหวัดราชบุรี ร้อยเอ็ด สิงห์บุรี ทั้งจังหวัดนั้น
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอเรียนชี้แจงอีกครั้งว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยปัจจุบันมีการคัดค้านการเลือกตั้งและกรณีปรากฏต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่ามีเหตุที่อาจเป็นการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. จำนวน 264 เรื่อง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการสืบสวนไต่สวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ โดยยังไม่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอเรียนว่าอำนาจในการพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) หรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ) เป็นอำนาจของศาลฎีกาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 138
กกต.ชี้ข้อมูล "เรืองไกร" ไม่เป็นความจริง
ขณะที่กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้ชี้แจง กรณี กกต.แถลงผลการนับคะแนน 100% ระบุว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 51.239,638 ล้านคน มาใช้สิทธิ 38,268.375 คน หรือ 74.69% ซึ่งจำนวนนี้เป็นตัวเลขที่ตรงกัน แต่เมื่อแยกเป็นบัตรดีบัตรเสียจะพบว่าเป็นบัตรดี 35,523,645 ใบ บัตรเสีย 2,130,327 ใบ โหวตโน 605,093 ใบ ซึ่งมีผลต่างจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 9,310 ใบ นั้น
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอชี้แจงว่า ข้อมูลตามที่นายเรืองไกร นำมากล่าวอ้างดังกล่าวข้างต้นเป็นความเท็จ ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง เนื่องจาก เอกสารแถลงข่าวของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ระบุจำนวนบัตรดี 35,532,645 บัตร และจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัคร 605,392 บัตร การให้ข่าวของนายเรืองไกรที่กล่าวอ้างข้อมูลว่า มีบัตรดีจำนวน 35,523,645 ใบ บัตรโหวตโน 605,093 ใบ จึงไม่ถูกต้องจึงแจ้งมาเพื่อทราบ