วันนี้ (24 เม.ย.2568) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่แนวปะการังที่มีความสวยงาม ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายละเลยการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยว ปล่อยให้ดำน้ำโดยไม่มีการอบรมหรือแนะนำวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ขาดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดูแล ทำให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส เหยียบย่ำ หรือใช้ตีนกบโดยไม่รู้วิธี
นอกจากนี้ มีการให้อาหารปลา และทิ้งขยะในทะเล รวมถึงผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ เคลื่อนย้ายปะการัง สัตว์น้ำ หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ มาให้นักท่องเที่ยวดู ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดทำประกาศมาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ เพื่อบังคับใช้กับผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ โดยมีสาระสำคัญ คือ ต้องจัดให้มีผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยควบคุม ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กรม ทช. กำหนด เดินทางไปกับนักท่องเที่ยวทุกครั้ง
ผู้ควบคุมต้องชี้แจงกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวิธีการดำน้ำที่ไม่กระทบต่อปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลให้กับนักท่องเที่ยวทราบก่อนการดำน้ำ โดยมีอัตราส่วนผู้ควบคุมต่อนักท่องเที่ยว แบ่งตามประเภทการดำน้ำ ได้แก่ การดำน้ำลึก (Scuba) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 4 คน
การดำน้ำตื้น (Snorkel) และดำน้ำอิสระ (Freediving) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 20 คน การทดลองเรียนดำน้ำ (DSD or Try Dive) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 2 คน และการเรียนและการสอบดำน้ำลึก ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 4 คน และห้ามเรียนบนแนวปะการัง โดยต้องเรียนบนพื้นทราย

สำหรับการออกมาตรการดังกล่าว จะช่วยสร้างมาตรฐานการดำน้ำในบริเวณแนวปะการัง ทั้งการดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก ให้กับนักดำน้ำมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ พร้อมกำกับดูแล และควบคุมการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำบริเวณแนวปะการังให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ มีข้อปฏิบัติดังนี้ 1.ในการดำน้ำลึก (Scuba) ห้ามนำกล้องลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ ยกเว้นมีผู้ที่ผ่านหลักสูตรดำน้ำลึกระดับเทียบเท่า Advanced หรือมีประสบการณ์ดำน้ำ 40 ไดฟ์ขึ้นไป ทำหน้าที่ถ่ายภาพให้ หากมีการเรียนหรือสอบดำน้ำลึก ห้ามครูและนักเรียน ถ่ายภาพใต้น้ำ (ยกเว้นการเรียนตามหลักสูตรถ่ายภาพใต้น้ำ) ถ้าต้องการถ่ายภาพในการเรียนจะต้องมีบุคคลทำหน้าที่ถ่ายภาพโดยเฉพาะ เพราะหากไม่เชี่ยวชาญในการดำน้ำจะทำให้ปะการังเกิดความเสียหาย
2.ในการดำน้ำตื้น (Snorkel) หากดำน้ำตื้นในบริเวณแนวปะการังระดับน้ำจะต้องสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร จากยอดปะการัง หากมีการใช้ตีนกบ ผู้ควบคุมต้องแจ้งวิธีการใช้ตีนกบไม่ให้กระทบต่อปะการัง และต้องใส่ชูชีพทุกครั้ง เว้นแต่ผ่านหลักสูตรการดำน้ำลึกหรือหลักสูตรการดำน้ำอิสระมาแล้ว
ทั้งนี้ กรม ทช. ได้ดำเนินการจัดทำ (ร่าง) ระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมการท่องเที่ยวดำน้ำในบริเวณแนวปะการัง โดยมีมัคคุเทศก์ ผู้นำการดำน้ำ และครูสอนดำน้ำ หรือระดับเทียบเท่าขึ้นไป ผ่านการฝึกอบรมแล้ว จำนวน 1,946 คน ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการออกบัตรให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรม
หากผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว จะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านข่าว : ช้างป่าเขาอ่างฤาไน ทำร้ายชาย 68 ปีเสียชีวิต
ปะการังไทยกลับมาแล้ว! ทส.ฟื้นฟู 24 ไร่ สู้ฟอกขาวสำเร็จ