นี่เรากำลังอยู่ในยุคที่การดื่มกาแฟ ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มสร้างความสดชื่น ตื่นตัว แต่กลับมีความซับซ้อนมากกว่าแต่ก่อน ทั้งการเป็นเครื่องดื่มตามสมัยนิยมที่บ่งบอกไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยและมีระดับ ไปจนถึงการปรับตัวของร้านกาแฟที่ไม่ได้มีดีแค่กาแฟ แต่ต้องตกแต่งสถานที่ให้สามารถถ่ายภาพสวยงามอวดเพื่อนในโซเชียล แถมยังมีคำศัพท์อีกตั้งมากมายที่ฟังแล้วไม่ค่อยจะเข้าใจ
แล้วการจะเป็นมือใหม่ในวงการกาแฟยุคนี้ เราต้องรู้คำศัพท์อะไรบ้างนะ ?
กาแฟสเปเชียลตี้ (Specialty Coffee)
ถือเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกาแฟที่ให้ความสำคัญในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะในส่วนของเมล็ด ที่จะต้องเป็นเกรดพิเศษที่ได้รับการทดสอบกลิ่นและรส จากสมาคมกาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee Association (SCA) ซึ่งต้องได้คะแนนมากกว่า 80 คะแนนขึ้นไป แต่ในเรื่องนี้หลายคนไม่เข้าใจ และอาจไม่รู้ว่าเมล็ดกาแฟที่ขายทั่วไปในร้านคาเฟ่ ก็อาจจะไม่ใช่ Specialty Coffee ก็เป็นได้
Drip Coffee
ถือเป็นวิธีการชงกาแฟรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถดึงรสชาติของกาแฟคั่วบดได้ดี โดยใช้การเทน้ำร้อนผ่านกาแฟและตัวกรอง ซึ่งอาจจะเป็นกระดาษ ถุงกรอง หรือตะแกรงก็ได้ ใช้เวลาให้กาแฟค่อย ๆ ไหลผ่านไปประมาณ 3 – 4 นาที ก็จะได้กาแฟที่หอมหวน รสชาติดี เหมาะกับการใช้งานกับเมล็ดกาแฟเกรด Specialty
Speed Bar / Slow Bar
ทั้งสองคำนี้เป็นวิธีการทำกาแฟ โดย Speed Bar เป็นการใช้แรงดันเข้ามาเป็นตัวช่วยในการสกัดกาแฟออก ซึ่งวิธีนี้จะมีความรวดเร็วทันใจ และเชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับการชงกาแฟด้วยวิธีการนี้มากที่สุด นั่นก็คือการชงกาแฟผ่านเครื่องนั่นเอง
ส่วน Slow Bar นั้นจะเป็นกาแฟที่ใช้เวลาในการทำนานกว่า และมีกระบวนการที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การดริป (Drip), Pod Coffee หรือ Syphon
กาแฟคั่วเข้ม (Dark Roast) / คั่วกลาง (Medium Roast ) / คั่วอ่อน (Light Roast)
รับกาแฟคั่วอ่อน หรือคั่วเข้มคะ ? พอเจอคำถามนี้เข้าไปหลายคนก็อาจจะงงว่า แล้วฉันต้องตอบยังไงล่ะ ? เรามาดูความแตกต่างของกาแฟแต่ละประเภทกันดีกว่า สำหรับการคั่วกาแฟก็คือการนำเมล็ดกาแฟดิบมาคั่วผ่านความร้อน ซึ่งระยะเวลาของการคั่ว จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้กลิ่น และรสชาติของกาแฟแตกต่างกันออกไปดังนี้
- Light Roast: กาแฟคั่วอ่อน ระดับนี้กาแฟจะยังโดนความร้อนไม่มากนัก ทำให้ยังหลงเหลือความเปรี้ยวของผลไม้อยู่มาก
- Medium Roast: กาแฟคั่วกลาง ความร้อนในระดับนี้จะทำให้ความเปรี้ยวเริ่มลดลง และจะเริ่มมีความหวานเข้ามามากขึ้น
- Dark Roast: กาแฟคั่วเข้ม เป็นระดับที่มีความเปรี้ยวของกาแฟน้อยที่สุด และจะมีความขมเพิ่มขึ้นมา
ส่วนเราจะเลือกแบบไหน ก็คงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน อย่างไรก็ตามก็อยากให้หาโอกาสได้ลองทุกแบบก่อน เราจะได้เลือกถูกว่าเราชอบแบบไหนมากที่สุดนั่นเอง
Cold Brew
ถือเป็นวิธีการสกัดกาแฟแบบหนึ่ง แต่วิธีนี้เราจะใช้น้ำเย็น หรือน้ำอุณหภูมิห้องในการให้น้ำไหลผ่าน หรือแช่เอาไว้ 12 – 18 ชม. ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้รสกาแฟหอมหวานมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟดำ
Latte Art
ถือเป็นศิลปะบนถ้วยกาแฟที่สร้างความสุนทรีย์ให้กับการดื่มกาแฟได้มากขึ้น โดยบาริสต้าจะสร้างสรรค์ลวดลายลงบนฟองนมให้เป็นรูปต่าง ๆ ทั้งดอกไม้ ใบไม้ รูปหัวใจที่หลายคนคุ้นชิน หรือถ้าจะออกแบบให้สวยงามแปลกตาแค่ไหนก็แล้วแต่จะสร้างสรรค์กันออกมา งานนี้คนดื่มกาแฟก็จะได้ทั้งการดื่มด่ำรสกาแฟ และเสพศิลปะไปได้พร้อมกัน
ยังมีคำศัพท์อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับกาแฟสำหรับคนรักกาแฟแบบสุด ๆ และต้องการเป็นบาริสต้าฝีมือเยี่ยม แต่สำหรับมือสมัครเล่นอย่างเรา การได้รู้คำศัพท์เพียงเท่านี้ ก็น่าจะเพียงพอที่จะไปคุยกับเพื่อนเวลาไปคาเฟ่ หรือสั่งกาแฟได้เข้าใจมากขึ้นแล้วล่ะ ไม่แน่ว่าการสั่งกาแฟของคุณในครั้งหน้า (หรือการพูดคุยกับบาริสต้าที่เราแอบชอบ) อาจจะสนุกขึ้นก็ได้นะ อิอิ
ชวนชม ! การทำฟองครีมแบบสามมิติสุดน่ารักของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ในรายการ ดูให้รู้ ตอน ฟองครีมสามมิติ และเจ้าชายแพนเค้ก ทาง www.VIPA.me และ VIPA Application