ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำสัปดาห์นี้ (1 ธ.ค.67) ลิเวอร์พูล จ่าฝูง โคจรมาปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับสี่ แมตช์นี้หากลิเวอร์พูลชนะ จะมีโอกาสทำแต้มหนีห่างไป 11 คะแนน ส่วนแมนฯ ซิตี้ต้องการชัยชนะ เพื่อขวัญกำลังใจ หลังจากฟอร์มหลุดมาหลายนัด
Thai PBS ชวนดูสถิติของ ลิเวอร์พูล- แมนฯ ซิตี้ ศึกหนนี้ ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบกันบ้าง ?
“ลิเวอร์พูล – แมนฯ ซิตี้” สถิติที่พบกัน
ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ พบกันในแมตช์อย่างเป็นทางการมาแล้วกว่า 226 นัด โดยเป็น แมนฯ ซิตี้ เอาชนะไปได้ 60 ครั้ง ส่วนลิเวอร์พูล เอาชนะได้ 108 ครั้ง และเสมอกันไป 58 ครั้ง
ลิเวอร์พูล - แมนฯ ซิตี้ พบกันครั้งแรกต้องย้อนไปในปี 1893 ในดิวิชัน 2 โดยลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเอาชนะแมนฯ ซิตี้ (ที่ขณะนั้นยังใช้ชื่อทีมว่า Ardwick) ไปได้ 1 – 0 ส่วนนัดล่าสุดที่พบกัน คือปลายฤดูกาลก่อน (10 มี.ค.67) ทั้งคู่เสมอกันไป 1 – 1
“ลิเวอร์พูล -แมนฯ ซิตี้” สถิติที่เจอกันในพรีเมียร์ลีก
สองทีมยักษ์ใหญ่แห่งอังกฤษ เจอกันในศึกพรีเมียร์ลีกมาแล้ว 54 ครั้ง ลิเวอร์พูลชนะไป 21 ครั้ง แมนฯ ซิตี้ ชนะไป 12 ครั้ง เสมอกันไปอีก 21 ครั้ง ลิเวอร์พูลเล่นเกมในบ้านได้ดีกว่า โดยเอาชนะแมนฯ ซิตี้ในบ้านได้ถึง 17 ครั้ง ส่วนเกมเยือนของแมนฯ ซิตี้ ยามที่พบกับลิเวอร์พูลนั้นไม่ดีนัก เอาชนะไปได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น
สำหรับ Head to Head 5 นัดหลังสุดที่เจอกันในพรีเมียร์ลีก ผลออกมาเสมอกันไป 3 ครั้ง และต่างฝ่ายต่างคว้าชัยได้ทีมละ 1 ครั้ง แถมยังเก็บชัยชนะได้ในบ้านตัวเองด้วยกันทั้งคู่
- 10 มีนาคม 2024 ลิเวอร์พูล 1 – 1 แมนฯ ซิตี้
- 25 พฤศิจกายน 2023 แมนฯ ซิตี้ 1 – 1 ลิเวอร์พูล
- 1 เมษายน 2023 แมนฯ ซิตี้ 4 – 1 ลิเวอร์พูล
- 16 ตุลาคม 2022 ลิเวอร์พูล 1 – 0 แมนฯ ซิตี้
- 10 เมษายน 2022 แมนฯ ซิตี้ 2 – 2 ลิเวอร์พูล
“ลิเวอร์พูล - แมนฯ ซิตี้” 11 ตัวจริงที่คาดการณ์ลงสนาม
ลิเวอร์พูล มีผู้เล่นบาดเจ็บ อาทิ อลิสซง เบคเกอร์, คอเนอร์ แบรดลีย์, อิบราฮิมา โกนาเต, ดิโอโก โชตา รายนามผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม มีดังนี้
คีวีน เคลลิเฮอร์ (ผู้รักษาประตู), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ , โจ โกเมซ , เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ไรอัน กราเฟนแบร์ก , เคอร์ติส โจนส์, อเล็กซิส แมค อัลลิสเตอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ , ดาร์วิน นูนเญซ
ด้าน แมนฯ ซิตี้ มีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บ อาทิ โรดรี, จอห์น สโตนส์, มัตเตโอ โควาซิซ, เฌเรมี โดกู โดย 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม คือ
เอแดร์ซอน (ผู้รักษาประตู), ไคลน์ วอล์กเกอร์, มานูเอล อคานยี, รูเบน ดิอาส, นาธาน อาเก, มาเธอุส นูเนส, , อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาโต ซิลวา, ซาวินโญ่, เออร์ลิง ฮาลันด์
“ลิเวอร์พูล - แมนฯ ซิตี้” วัดกึ๋นกุนซือ ใครจะพาทีมคว้าชัยชนะ
ลิเวอร์พูล ฟอร์มดีต่อเนื่อง ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 4 เสมอ 1 มี 31 คะแนน ด้านแมนฯ ซิตี้ ผลงานสวนทาง 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 2 แพ้ 3 มี 23 คะแนน แถมถ้ารวมในทุกรายการ แมนฯ ซิตี้ยังไม่พบกับชัยชนะมาแล้วถึง 5 แมตช์ติดต่อกัน
ความได้เปรียบคงอยู่ที่เจ้าบ้านลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง แต่ 10 นัดหลังสุดที่ทั้งคู่พบกันในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนฯ ซิตี้ไปได้เพียง 2 ครั้ง คือเมื่อ 10 พ.ย.2019 เปิดบ้านชนะไป 3 – 1 และอีกครั้ง 16 ต.ค.2022 เปิดบ้านเอาชนะไป 1 – 0 ที่เหลือเสมอกันไป 5 นัด และแมนฯ ซิตี้เอาชนะไป 3 นัด
เกมนี้ จะได้เห็นการวางแผนของ อาร์เนอ สลอต กับการเจอทีมระดับท็อปด้วยกันอีกครั้ง ซึ่งจากการลงเล่นมา 12 นัดในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลยังไม่แพ้ทีมใหญ่ด้วยกันเลย โดยทำผลงานเสมอกับอาร์เซนอล 2 - 2 ชนะเชลซี 2 – 1 และชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 3 – 0 จึงน่าสนใจว่า ลิเวอร์พูลในการทำทีมของอาร์เนอ สลอต จะยังคงจัดการเหล่าทีมใหญ่ด้วยกันได้ดีอีกหรือไม่
ด้วยความเป็นเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูลคงปูพรมเดินหน้าเล่นเกมรุก ยิ่งแมนฯ ซิตี้ ยังอยู่ในช่วงฟอร์มตก ตัวหลักขาดหายไปจำนวนมาก งานนี้ขุนพลหงส์แดงคงเดินหน้าเล่นเกมรุกเป็นหลัก
ในมุมของ แมนฯ ซิตี้ เป็นช่วงที่ทีมขาดความสมดุล โดยเฉพาะผู้เล่นกำลังสำคัญอย่าง โรดรี บาดเจ็บพักยาว งานนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องงัดไม้เด็ดเพื่อคุมเกมในแดนกลางไว้ให้ได้ มิฉะนั้น โดนลิเวอร์พูลกดดันเกมรุกอยู่หมัดแน่นอน
เกมนี้อย่างไรเสีย เป๊ป ต้องให้ลูกทีมมีสมาธิอย่างมาก เพราะหากผลเข้าทางทีมตัวเอง จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมกลับเข้าสู่เส้นทางป้องกันแชมป์อีกครั้ง แต่ถ้าหากเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ คงต้องหันกลับมาโฟกัสเป้าหมายใหม่ ลุ้นจบท็อป 4 ในฤดูกาลนี้ให้ได้เป็นการดีที่สุด
เกมนี้ซิตี้ต้องลุ้นคีย์แมนสำคัญอีกคน คือ เควิน เดอ บรอยน์ จะสามารถลงช่วยทีมได้ตั้งแต่ต้นเกมหรือไม่ และจะยืนระยะรักษาความสมดุลให้กับทีมได้ตลอด 90 นาทีหรือไม่ รวมไปถึงผู้เล่นที่เคยเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ อาทิ เบอร์นาโต ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน แม้กระทั่ง เออร์ลิง ฮาลันด์ จะกลับคืนฟอร์มแข็งแกร่งดังเดิมได้หรือไม่
เกมนี้วัดกันที่ใครขึ้นนำก่อน หากลิเวอร์พูลนำก่อน งานนี้ แมนฯ ซิตี้เหนื่อยกว่าดิม แต่หากลิเวอร์พูลเพลี่ยงพล้ำก่อน เกมจะบู๊กันสนุกอย่างไม่ต้องสงสัย เกมนี้ผลไม่น่าลงเอยที่ 0 – 0 แต่โอกาสเสมอกันกมีสูง เพราะเจอกันมา 54 ครั้งในพรีเมียร์ลีก จบลงที่การเสมอกันถึง 21 ครั้ง แต่หากทีมใดจะคว้า 3 แต้มได้ มองไปที่ลิเวอร์พูล ได้เปรียบมากกว่า
แฟนลิเวอร์พูล และแมนฯ ซิตี้ ห้ามพลาด กับศึกระดับซูเปอร์บิ๊กแมตช์ คืนวันอาทิตย์ 1 ธ.ค.67 เวลา 23.00 น. งานนี้ได้รู้กันว่า หงส์หรือเรือใบ ใครจะเป็นฝ่ายคว้า 3 แต้มสำคัญนี้
แหล่งข้อมูล www.premierleague.com