ต้อนรับประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีอิทธิพลที่สุดประเทศหนึ่งของโลก การเมืองของสหรัฐมีอิทธิพลต่อโลก ส่วนจุดเริ่มต้นทางการเมือง คงหนีไม่พ้นสถานที่ทำงานของประธานาธิบดี รวมถึงทีมที่ปรึกษา หรือที่เรียกกันว่า “ทำเนียบขาว” (The White House)
สถานที่แห่งนี้จึงมีความสำคัญทั้งในเชิงการเมืองการปกครอง สัญลักษณ์และคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์ Thai PBS ชวนทุกคนไปสำรวจ “ทำเนียบขาว” เรื่องอะไรที่คุณไม่เคยรู้บ้าง
ก่อนมีทำเนียบขาว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่ที่ไหน ?
ปัจจุบันทำเนียบขาวตั้งอยู่ที่เลขที่ 1600 ถนนเพนซิลเวเนีย วอชิงตัน ดี.ซี. แต่ในอดีต มีหลายสถานที่ที่ถูกใช้เป็นที่พำนักของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาก่อน
เริ่มจาก Samuel Osgood House และมีชื่อเรียกกันว่า Walter Franklin House ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก โดยถือเป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการแห่งแรกของประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ นั่นคือ จอร์จ วอชิงตัน (President George Washington)
จากนั้นจึงมีการย้ายไปอีกหลายแห่ง ก่อนจะมีการวางแผนสร้างทำเนียบขาวในปัจจุบันขึ้น โดยประธานาธิบดีคนแรกที่ได้เข้ามาทำงานในทำเนียบขาวแห่งนี้ก็คือ ประธานาธิบดี จอห์น อดัม (President John Adams) ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสหรัฐอเมริกานั่นเอง
ทำไมถึงชื่อ “ทำเนียบขาว (The White House)” ?
เดิมทีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาว คือ President’s House แต่ด้วยลักษณะภายนอกที่ดูเป็นสีขาวทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่สีขาวจากการทาสี หากแต่เดิมที อาคารแห่งนี้เป็นสีของปูนขาว (lime-based whitewash) ที่นำมาใช้ทาเคลือบบนผนังหินทรายเพื่อปกป้องจากความหนาวเย็น อันเป็นเทคนิคการก่อสร้างในยุคนั้น
จึงทำให้ในเวลาต่อมา ชื่อ The White House ถูกใช้เป็นชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการจากชาวเมือง ก่อนที่จะถูกใช้เป็นครั้งคราวในหนังสือพิมพ์ กระทั่งในปี 1901 George B. Cortelyou เลขาธิการของประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (President Theodore Roosevelt) ได้ยื่นเรื่องให้มีการเปลี่ยนให้ “The White House” กลายเป็นชื่ออย่างเป็นทางการ และถูกใช้ในเอกสารราชการจนถึงทุกวันนี้
“ทำเนียบขาว” ถูกสร้างขึ้นโดยทาสผิวสี
ข้อมูลจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่า ทำเนียบขาวมีการก่อสร้างที่ใช้เวลายาวนานถึง 8 ปี นับตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1792 - 1800 ในช่วงแรกของการก่อสร้าง มีความพยายามใช้คนงานจากยุโรป แต่กลับไม่ได้รับความสนใจมากนัก จึงได้มีการจ้างแรงงานชาวแอฟริกา-อเมริกัน ทั้งที่เป็นทาส และเป็นแรงงานอิสระ มารับผิดชอบก่อสร้างสถานที่แห่งนี้ โดยทางการสหรัฐฯ ได้จ่ายเงินให้กับเจ้าของทาสที่ให้ใช้แรงงานอีกที
ทั้งนี้ การก่อสร้างทำเนียบขาว ใช้แรงงานที่ทำงานร่วมกัน ทั้งทาสผิวสี แรงงานผิวขาวท้องถิ่น รวมถึงชาวยุโรป
“ทำเนียบขาว” มีทั้งหมดกี่ห้อง ?
ทำเนียบขาวมีการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยเพื่อขยับขยายหลายครั้ง จนปัจจุบันมีพื้นที่กว่า 55,000 ตารางฟุต ตัวอาคารมีทั้งหมด 6 ชั้น โดยมีจำนวนห้องทั้งหมดรวมแล้ว 132 ห้อง (มี 16 ห้องเป็นห้องพักสำหรับครอบครัวและแขกของประธานาธิบดี) ส่วนห้องครัวสามารถเสิร์ฟอาหารค่ำเต็มรูปแบบเพื่อต้อนรับแขกได้สูงสุด 140 คน
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือถึง “ห้องลับ” ซึ่งถูกเปิดเผยในเวลาต่อมา โดยสมาคมประวัติศาสตร์ทำเนียบขาว (White House Historical Association) ที่ระบุว่า มีเพียงช่องทางลับเท่านั้นที่ใช้เพื่อเป็นทางหลบหนีในกรณีฉุกเฉิน เพื่อไปยังห้องหลบภัยทางด้านปีกตะวันออกของอาคาร
ทำเนียบขาว สัญลักษณ์แห่งสหรัฐฯ กับโลกแห่งภาพยนตร์
ที่ผ่านมา ทำเนียบขาว เคยปรากฏอยู่ในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ถึงตอนนี้มีจำนวนมากกว่า 84 เรื่อง ยกตัวอย่าง ฉากระเบิดทำเนียบขาว อันเป็นเอกลักษณ์ที่สุดหนึ่งในโลกภาพยนตร์ มาจากหนังเรื่อง Independence day หรือ ID4 จากปี 1996 ที่มีฉากจานบินขนาดใหญ่ของมนุษย์ต่างดาว บินมาอยู่เหนือทำเนียบขาว ก่อนจะยิงลำแสงใส่ เกิดเป็นไฟปะทุระเบิดจากหน้าต่าง โดยฉากดังกล่าวนั้นไม่ได้ใช้ CGI แต่มีเบื้องหลังคือโมเดลทำเนียบขาวขนาด 1 ต่อ 24 และสร้างระเบิดจริง ๆ พร้อมถ่ายทำด้วยกล้องสโลโมชัน
นอกจากการปรากฏภาพอยู่ในภาพยนตร์อยู่เป็นประจำ ยังเป็นที่ตั้งข้อสังเกตว่า ทำเนียนขาว มักกลายเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่มีฉากแอ็คชันถูกทำลาย อยู่ในภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงสถานที่สำคัญ ๆ อย่าง เทพีเสรีภาพ (The Statue of Liberty) สะพานโกลเด้นเกจ (Golden Gate Bridge) หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) และหอไอเฟล (Eiffel Tower)
ไม่ว่าจะอยู่ในบริบทใด ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ทำเนียบขาว” คือสถานที่ที่ผู้คนทั่วโลกจดจำ และเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีประชาธิปไตยแห่งหนึ่งของโลก
อ้างอิง
- history.com
- whitehouse.gov