ค้นพบ ! “เปราะอาจารย์แหม่ม” พืชถิ่นเดียวของไทย - ชนิดใหม่ของโลก


วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

23 ก.ย. 67

จิราภพ ทวีสูงส่ง

Logo Thai PBS
แชร์

ค้นพบ ! “เปราะอาจารย์แหม่ม” พืชถิ่นเดียวของไทย - ชนิดใหม่ของโลก

https://www.thaipbs.or.th/now/content/1634

ค้นพบ ! “เปราะอาจารย์แหม่ม” พืชถิ่นเดียวของไทย - ชนิดใหม่ของโลก
บริการเสริมจาก Thai PBS AI

ชวนรู้จัก “เปราะอาจารย์แหม่ม” โดยเป็น “เปราะ” ชนิดใหม่ของโลก (Kaempferia chaveerachiae Saensouk, P.Saensouk & Boonma sp. nov.) จากจังหวัดสระบุรี ค้นพบโดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ซึ่งทำการวิจัยพืชวงศ์ขิงอย่างต่อเนื่อง ด้วยองค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ  

เปราะอาจารย์แหม่ม ภาพโดย ธวัชพงศ์ บุญมา

โดยรองศาตราจารย์ ดร.สุรพล แสนสุข อาจารย์ประจำหลักสูตรความหลากหลายทางชีวภาพ สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ร่วมกับ นายธวัชพงศ์ บุญมา นิสิตปริญญาเอกหลักสูตรความหลากหลายทางชีวภาพ สถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช และรองศาสตราจารย์ ดร.ปิยะพร แสนสุข จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์

ทีมวิจัย เปราะอาจารย์แหม่ม

สำหรับนักวิจัยทั้งสามเป็นสมาชิกของหน่วยวิจัยความหลากหลายพืชวงศ์ขิงและพืชที่มีท่อลำเลียงเพื่อการประยุกต์ (Diversity of Family Zingiberaceae and Vascular Plant for Its Applications) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผลงานพืชชนิดใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่ได้รับสนับสนุนการวิจัยนิสิตบัณฑิตศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ Horticulturae ปีที่ 10 ฉบับที่ 9

เปราะอาจารย์แหม่ม ภาพโดย ธวัชพงศ์ บุญมา


ชวนรู้จัก “เปราะอาจารย์แหม่ม”

ชื่อวิทยาศาสตร์และชื่อสามัญ ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่ ศาสตราจารย์ ดร.อรุณรัตน์ ฉวีราช โดยชื่อวิทยาศาสตร์ตั้งตามนามสกุลของท่าน (ฉวีราช) ส่วนชื่อสามัญตั้งตามชื่อเล่นของท่าน (อาจารย์แหม่ม) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ การศึกษาสัณฐานวิทยาพืช การศึกษาละอองเรณูพืช อนุกรมวิธานพืชและซิสเทมาติกส์ รวมถึง การศึกษาพันธุศาสตร์ของพืชและสัตว์ และมีผลงานการตีพิมพ์เกี่ยวกับการค้นพบพืชชนิดใหม่ในวงศ์ขิง (Zingiberaceae) หลายชนิดในประเทศไทย

“เปราะอาจารย์แหม่ม” มีลักษณะเด่นคือ เหง้ามีสีเหลือง เรียงต่อกันเป็นแถวในแนวเดียวกัน (sympodial) มีใบเพียงใบเดียว ใบรูปไข่หรือรูปรีแคบ ผิวใบมีขนทั้งสองด้าน โคนใบรูปหัวใจ ใบสีเขียวและมีลวดลายสีเขียวเข้มล้วนหรืออาจพบมีลายสีเขียวเข้มหรือสีดำ ใต้ใบสีเขียวอ่อน ขอบใบเรียบ ก้านใบสั้น 2–3 เซนติเมตร โดยใบมักหันไปทางด้านที่มีเหง้าเรียงต่อกัน ช่อดอกเกิดระหว่างกาบใบและกาบไร้ใบ มีก้านช่อดอกสั้น ใบประดับสีเขียวรูปสามเหลี่ยมแกมใบหอก ม้วนเป็นกรวย ปลายแหลม

เปราะอาจารย์แหม่ม ภาพโดย ธวัชพงศ์ บุญมา

ส่วนปลายเปิดช่องว่างเล็กน้อยสำหรับให้ดอกโผล่ขึ้นมา ก้านดอกสีขาวยาวกว่าใบประดับ ดอกมีสีขาว กลีบปากสีม่วงค่อย ๆ จางไปที่ขอบและส่วนปลายกลีบโดยมีสีขาวจากฐานกลีบไปจนถึง 1/3 ของความยาวกลีบปาก ส่วนปลายกลีบปากแยกเป็นสองพู ส่วนปลายของแต่ละพูเว้าเล็กน้อย กลีบเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันสีขาวทำมุมเกือบตั้งฉากกับกลีบปาก เมื่อบานเต็มที่และเริ่มเหี่ยวจะค่อย ๆ โค้งงอไปด้านหลัง 
ดอกจะบานพร้อมผสมในช่วงเช้า ออกดอกในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม ในแต่ละปีจะสร้างเหง้าใหม่ 1 เหง้าต่อจากเหง้าของปีที่ผ่านมา โดยเกิดจากตาด้านข้างของเหง้าเก่าและออกดอก หลังจากที่ออกดอกแล้วระยะหนึ่งอาจจะสร้างต้นใหม่ต่อจากเหง้าใหม่ในทิศทางตรงข้ามเหง้าเก่าหรืออาจจะไม่สร้างก็ได้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ทำให้พบเหง้าเรียงต่อกันในทิศทางเดียวกัน และเนื่องจากมีช่อดอกเกิดระหว่างกาบใบจึงทำให้เปราะอาจารย์แหม่มจัดอยู่ในสกุลย่อยเปราะหอม (subgenus Kaempferia)

เปราะอาจารย์แหม่ม ภาพโดย ธวัชพงศ์ บุญมา

เปราะอาจารย์แหม่ม (Kaempferia chaveerachiae) มีดอกคล้ายกับกระชายดำ (Kaempferia parviflora Wall. ex Baker) ซึ่งจริง ๆ แล้วกระชายดำไม่ได้อยู่ในสกุลกระชาย แต่อยู่ในสกุลเปราะ หากเรียกตามชื่อสกุลแล้วกระชายดำอาจจะต้องเรียกเป็น “เปราะดำ”

อย่างไรก็ตามทั้งสองชนิดมีลักษณะที่แตกต่างกันหลายส่วน ที่เห็นชัดและง่ายที่สุดหากไม่พบดอกของพืชทั้งสองชนิด ลักษณะของเหง้าที่ต่างกันคือ เปราะอาจารย์แหม่มเป็นแบบเจริญจากตาข้างเพียงด้านเดียว (sympodial) และมีเหง้าขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร เนื้อในเหง้าสีเหลือง  ในขณะที่กระชายดำมีเหง้าที่ติดกันคล้ายสายลูกปัด (moniliform) ขนาดของเหง้าใหญ่กว่าและเนื้อในของกระชายดำมีสีม่วงเข้มหรือสีน้ำตาลเข้ม

เปราะอาจารย์แหม่ม ภาพโดย ธวัชพงศ์ บุญมา

และอีกลักษณะที่ต่างกันอย่างชัดเจนคือช่อดอกของเปราะอาจารย์แหม่มจะมีใบประดับเพียงใบเดียวม้วนแน่นเป็นกรวยปลายเปิดเล็กน้อยและบานได้ครั้งละ 1 ดอก ในขณะที่ช่อดอกกระชายดำมักพบ 2(-3) ใบประดับมีฐานเชื่อมติดกันเป็นเหมือนถ้วยที่ปลายแยกเป็นสองพูแผ่ออกจากกัน อาจพบ 1-2 ดอกพร้อมกันในวันเดียวกัน

ในขณะที่หากมองเพียงผิวเผินอาจเข้าใจผิดว่าเป็นว่านนกคุ้ม (Kaempferia elegans Wall.) เนื่องจากมีใบที่คล้ายกันมาก แต่มีดอกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ว่านนกคุ้มจะมีดอกสีชมพูอมม่วงทั้งดอก และกลีบเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน (staminodes) อยู่ในระนาบเดียวกับกลีบปาก ในขณะที่เปราะอาจารย์แหม่มมีดอกสีขาวกลีบปากสีม่วงและกลีบเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันเกือบตั้งฉากกับกลีบปาก หากเปราะอาจารย์แหม่มถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชนิดเดียวกับว่านนกคุ้ม อาจทำให้สถานะการอนุรักษ์ถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าความเป็นจริง

เนื่องจาก “ว่านนกคุ้ม” มีจำนวนประชากรในธรรมชาติที่มากและขอบเขตการกระจายพันธุ์กว้าง จึงมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ต่ำ ความเข้าใจผิดนี้อาจส่งผลเสียโดยตรงต่อการจัดการประชากรและการอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัยของ “เปราะอาจารย์แหม่ม” เพราะพืชที่มีความเสี่ยงสูงอาจไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม เปราะอาจารย์แหม่ม จึงเป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความสำคัญของการระบุชนิดพืชอย่างถูกต้อง

เพื่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนและสนับสนุนการอนุรักษ์ที่มีประสิทธิภาพ

Kaempferia chaveerachiae Saensouk, P.Saensouk & Boonma (A) ด้านข้างของดอก (B) อับเรณู (C–D) กลีบดอก (E) ใบประดับย่อย (F) ใบประดับ (G) ลักษณะวิสัย (H) เมล็ดและเยื่อหุ้มเมล็ด (I) รังไข่และต่อมน้ำหวาน (J) ผลและกลีบเลี้ยง ภาพวาดโดย ธวัชพงศ์ บุญมา

 

ปัจจุบันพบ “เปราะอาจารย์แหม่ม” ในพื้นที่ภูเขาหินปูนติดกับพื้นที่ไร่มันสำปะหลัง ใต้ร่มเงาของกอไผ่และไม้ผลัดใบ เติบโตในดินสีน้ำตาลดำและร่วน ผสมกับหินปูนสีเทา พบจำนวนประชากรน้อยกว่า 100 ต้น กระจายอยู่ในพื้นที่อาศัยน้อยกว่า 1 ตารางกิโลเมตรในเขตพื้นที่จังหวัดสระบุรีเท่านั้น

เปราะอาจารย์แหม่ม ภาพโดย ธวัชพงศ์ บุญมา

จึงทำให้นอกจากจะเป็นพืชหายาก ยังมีสถานะเป็นพืชถิ่นเดียว (Endemic species) ของไทยด้วย คณะผู้วิจัยจึงเสนอให้มีสถานะการอนุรักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ (Critical Endangered: CR B2ab(ii,iv,v), C2(ii), D1) เพื่อปกป้องพืชชนิดใหม่นี้และถิ่นที่อยู่อาศัยในธรรมชาติจนกว่าจะมีการค้นพบจำนวนประชากรและขอบเขตการกระจายพันธุ์เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะการอนุรักษ์ให้เหมาะสมต่อไป

 

🎧 อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : Boonma, T.; Saensouk, S.; Saensouk, P. Biogeography, Conservation Status, and Traditional Uses of Zingiberaceae in Saraburi Province, Thailand, with Kaempferia chaveerachiae sp. nov. Horticulturae 2024, 10, 934. doi.org 


“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เปราะอาจารย์แหม่มสกุลเปราะเปราะพฤกษศาสตร์วิทยาศาสตร์Thai PBS Sci And Tech Thai PBS Sci & Tech Science
จิราภพ ทวีสูงส่ง
ผู้เขียน: จิราภพ ทวีสูงส่ง

เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล สำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส / Specialist Contents / Journalist / Writer / Creative Copywriter / Proofreader Lover : (jiraphob.thawisoonsong@gmail.com)

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด