ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วโลกหันกลับมามองสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนกันอีกครั้ง หลังจากผู้นำรัสเซียประกาศหยุดกิจกรรมทางทหารทั้งหมดตลอดแนวรบเป็นการชั่วคราวนาน 30 ชั่วโมง เนื่องในวันอีสเตอร์ ซึ่งคำสั่งหยุดยิงดังกล่าวหมดอายุลงไปแล้ว เมื่อช่วงเช้ามืดตามเวลาในไทย (21 เม.ย.2568)
ชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ร่วมทำกิจกรรมเนื่องในวันอีสเตอร์ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณด้านนอกโบสถ์ ซึ่งได้รับความเสียหายจากการสู้รบ โดยหมู่บ้านแห่งนี้เคยถูกรัสเซียยึดครองช่วงระยะเวลาหนึ่งตอนเริ่มต้นสงครามเมื่อปี 2022
ชาวยูเครนที่หมู่บ้านแห่งนี้มีความเห็นไม่ต่างจากชาวยูเครนทั่วประเทศ ซึ่งไม่เชื่อว่ารัสเซียจะหยุดการโจมตี โดยโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีแห่งยูเครน ระบุว่า รัสเซียละเมิดการหยุดยิง รวมทั้งใช้อาวุธหนักและโดรนโจมตีแนวรบยูเครนในหลายจุด ทั้ง ๆ ที่ยูเครนยอมหยุดยิงตามข้อเสนอของรัสเซีย และชวนให้รัสเซียขยายระยะเวลาการหยุดยิงเป็น 30 วันแล้ว
ผู้นำยูเครน เชื่อว่า กองทัพรัสเซียพยายามใช้การหยุดยิงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ในขณะเดียวกันก็เดินหน้าโจมตียูเครนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ
หากมองว่าการพูดคุยระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับรัสเซีย เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นการเปิดฉากการเจรจาไกล่เกลี่ยสงครามรัสเซีย-ยูเครนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ แต่เวลาผ่านมาแล้วมากกว่า 2 เดือน กับการเดินเกมทางการทูตของสหรัฐฯ ด้วยการเดินสายไปคุยกับคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย การลงทุนลงแรงดังกล่าวกลับไม่ได้ผลลัพธ์อะไร
แม้กระทั่งข้อเสนอหยุดยิงฉบับสหรัฐฯ ซึ่งผู้นำยูเครนถูกกดดันกลาย ๆ ให้ต้องยอมรับ หลังจากสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือทางทหารและหยุดแชร์ข้อมูลข่าวกรอง แต่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ก็ยังตอบรับเพียงแค่หลักการ ก่อนที่จะยอมสั่งระงับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของยูเครน เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา หลังทรัมป์ยกหูคุยเป็นการส่วนตัวเป็นรอบที่ 2
ขณะนี้คำสั่งระงับการโจมตีพลังงานยูเครนจะหมดอายุลงไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ทางการยูเครน ระบุว่า รัสเซียละเมิดคำสั่งดังกล่าวมากกว่า 30 ครั้ง ตลอดช่วง 30 วันที่คำสั่งมีผลบังคับใช้ ขณะที่การสู้รบไม่เคยหยุดลงเลย และไม่มีทีท่าว่าสงครามจะสิ้นสุดลงในเร็ววันนี้
ประเด็นดังกล่าวอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ จะเลิกพยายามช่วยยุติสงครามในยูเครน หากรัสเซีย หรือยูเครน ยังขัดขวางความพยายามดังกล่าว แต่ทรัมป์ก็ยังเชื่อว่าการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งยังมีโอกาสสำเร็จ ซึ่งท่าทีนี้สะท้อนว่าผู้นำสหรัฐฯ กำลังหมดความอดทนกับสงครามที่เขามองว่าควรจะจบลงได้ใน 24 ชั่วโมง
ขณะที่หนึ่งในอุปสรรคสำคัญ หนีไม่พ้นเงื่อนไขของผู้นำรัสเซียที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับการเจรจา ทำให้นักวิเคราะห์บางคน มองว่า การเลิกไกล่เกลี่ยของสหรัฐฯ จะหมายถึงการหันกลับมาสนับสนุนยูเครนและคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ หรือจะหมายถึงการทิ้งยูเครนให้เป็นเรื่องของยุโรปแต่เพียงฝ่ายเดียว
สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามในสหรัฐฯ จัดทำแผนที่แนวรบในยูเครนและพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย พร้อมทั้งระบุตำแหน่งที่มีการพบแร่ธาตุต่าง ๆ ทั่วยูเครน ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ลิเทียม ยูเรเนียม และแมงกานีส ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้กำลังกลายเป็นแต้มต่อสำคัญเพียงอย่างเดียวที่ยูเครนใช้ในการต่อรองกับสหรัฐฯ
ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ และยูเครนน่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการขุดเจาะแร่ธาตุได้ในสัปดาห์นี้ หลังจากทรัมป์ย้ำมาโดยตลอดว่า การเปิดทางให้นักธุรกิจอเมริกันเข้าไปลงทุนในยูเครน เท่ากับเป็นการปกป้องยูเครนไปโดยปริยาย เพราะสหรัฐฯ ย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวอเมริกันอยู่แล้ว แต่ถ้าสังเกตแผนที่นี้จะเห็นว่า แหล่งที่พบแร่ธาตุสำคัญ ๆ ส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงไทเทเนียม และ rare earth
สื่ออเมริกันส่วนหนึ่ง รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่า รัฐบาลทรัมป์พร้อมที่จะรับรองการยึดครองไครเมียของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอยุติสงครามฉบับสหรัฐฯ หลังจากรัสเซียผนวกรวมไครเมียเมื่อปี 2014
ขณะที่จุดยืนปัจจุบันของรัสเซียยังรวมถึงการรับรองให้ดินแดนใน 4 ภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครน ได้แก่ โดเนตสค์ ลูฮันสค์ เคอร์ซอนและซาปอริซเซีย เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียด้วย นอกเหนือไปจากการขับเซเลนสกีออกจากตำแหน่ง
การประเมินจากสถานการณ์ขณะนี้ ไม่ว่าสหรัฐฯ จะเลิกสนใจสงครามรัสเซีย-ยูเครนหรือไม่ ยูเครนดูจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลทรัมป์กำลังพยายามฟื้นความสัมพันธ์กับรัสเซีย อีกหนึ่งจุดที่ต้องจับตามองคือถ้ารัสเซียยอมให้ผลประโยชน์อะไรบางอย่างกับสหรัฐฯ เช่น แร่ธาตุในดินแดนยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่
วิเคราะห์โดย ทิพย์ตะวัน ธีรนัยพงศ์
อ่านข่าว : รัสเซียโจมตียูเครนครั้งใหญ่ เสียชีวิต 34 เจ็บ 117 คน