กรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน เตรียมยื่นหนังสือต่อกรมสรรพากร ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เพื่อให้กรมสรรพากรมีประกาศหรือคำวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อกรณีการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN ในการซื้อหุ้นหรือทรัพย์สินอื่นใดของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
วันนี้ (27 มี.ค.2568) นายวิโรจน์ ระบุว่า เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก เพราะขณะนี้เจ้าของกิจการต่างถามกันว่าจะใช้วิธีเดียวกับ น.ส.แพทองธาร ได้หรือไม่ เนื่องจากจะโอนที่ดินหรือหุ้นให้กับลูก ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (26) (27) (28) ลูกหรือคนที่รับต้องเสียภาษีการรับให้ หากโอนให้กับลูก ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาทต้องคิดภาษี 5% แต่หากโอนให้กับพี่น้องที่ไม่ใช่ผู้สืบสันดาน ส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทต้องคิดภาษี 5%
อ่านข่าว : "สรรพากร" แจงนายกฯ ยังไม่จ่ายหนี้ตั๋ว PN ไม่เกิดภาระภาษี
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า เจ้าของกิจการหรือประชาชนที่มีทรัพย์สมบัติอยากทำตามแพทองธารโมเดล และคิดว่านายเศรษฐา ทวีสิน อาจจะงอน เพราะเคยโอนหุ้นในลักษณะนี้ให้กับลูกสาวเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีอธิบดีกรมสรรพากรชี้แจงนั้น มองว่าไม่ตรงประเด็น สิ่งที่คนสงสัยคือการเปลี่ยนจากการให้เป็นติ้งต่างทำเป็นซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้หรือไม่
ขณะที่การออกตั๋ว PN ไม่มีการกำหนดว่าจะจ่ายวันไหน แต่เมื่อตนพูดเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร ได้บอกว่าจะจ่ายปีหน้า และการที่ไม่มีดอกเบี้ยก็เหมือนเป็นการแลก หากไม่มีตรงนี้ก็คือการให้ชัดเจน เปลี่ยนมือจากคนอื่นมาอยู่ที่ น.ส.แพทองธาร โดยที่ไม่ต้องจ่ายสักบาท ซึ่งก็คือการให้ใช่หรือไม่ และผู้รับก็ต้องเสียภาษีการรับให้
อ่านข่าว
"วิโรจน์" จี้สรรพากรแจงปม "แพทองธาร" ออกตั๋ว PN
"ชัยวัฒน์" จี้บิ๊กอุทยาน เคลียร์ปมเกาะสิมิลัน ปูดเงินรั่วเข้าใคร