วันนี้ (25 มี.ค.2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ตอบโต้ฝ่ายค้านที่อภิปรายไม่ไว้วางใจถึงกรณีบริหารกองทุนประกันสังคม โดยยืนยันว่าไม่มี "มวยล้มต้มคนดู" หรือการทุจริตใด ๆ ตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งเรื่องซื้อตึกที่เป็นข่าวมากว่า 1 เดือน
โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะเห็นผลชัดเจนเร็ว ๆ นี้ นายพิพัฒน์เน้นย้ำเป้าหมายสำคัญคือ ป้องกันกองทุนประกันสังคมล้มละลายใน 30 ปี หรือราวปี 2597 ตามที่สถาบันประเมินไว้ หากไม่ปรับวิธีลงทุน
ผลตอบแทนในปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 และปี 2567 พุ่งเป็นร้อยละ 5.34 สอดคล้องกับเป้าร้อยละ 5 ที่ตั้งไว้ โดยร้อยละ 60 ของกองทุน ลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ส่วนร้อยละ 40 จะหาการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้สมดุลเพื่อดึงผลตอบแทนเฉลี่ยให้ถึงเป้า คาดว่าหากรักษาระดับร้อยละ 5 ได้ต่อเนื่อง 30 ปี กองทุนจะยืดอายุไปได้ถึง 55 ปี และภายใน 12 ปีข้างหน้าอาจโตถึง 6 ล้านล้านบาท เล็งเพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น ตรวจสุขภาพเชิงรุกและเงินเกษียณที่สูงขึ้นให้ผู้ประกันตน
ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เผยว่าได้ส่งเอกสารชี้แจงการใช้เงินกองทุนไปยังคณะกรรมการสอบแล้ว ก่อนประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 มี.ค.นี้

ค่าแรง 400 บาทมาแน่ แต่ไม่ทุ่มสุดตัว
นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท หลังถูกฝ่ายค้านโจมตีว่าไม่มีความคืบหน้า โดยยืนยันว่ากระทรวงแรงงานไม่นิ่งนอนใจ ปลัดกระทรวงฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เตรียมเรียกประชุมก่อนสงกรานต์นี้ เพื่อหาข้อสรุปให้ทันประกาศในวันที่ 1 พ.ค.2568 ซึ่งเป็นวันแรงงานแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม รมว.แรงงานยังมีความกังวล หากขึ้นค่าแรงพร้อมกันทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จะกระทบผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SMEs ที่มีกว่า 500,000 ราย และลูกจ้างราว 5.8 ล้านคน โดยวิเคราะห์ว่าอาจมีลูกจ้างถึงร้อยละ 30 หรือราว 1,900,000 คนต้องตกงาน หากไม่มีการเตรียมการที่ดี
ย้ำว่าต้องหารือกับ SMEs ทุกจังหวัดอย่างรอบคอบ และอาจเลือกปรับขึ้นบางสาขาอาชีพที่ผู้ประกอบการรับไหว เพื่อให้สอดคล้องกับเป้า GDP โตร้อยละ 3 ตามนโยบายนายกฯ หากวิเคราะห์แล้ว GDP ไม่ถึงเป้า ก็จะไม่ฝืนปรับทุกสาขา เพื่อป้องกันความเสียหายที่กระทรวงอาจรับผิดชอบไม่ไหว

จับ-ปรับ-ผลักดัน แรงงานต่างด้าวลักลอบทำงาน
นายพิพัฒน์ยังตอบกรณีที่ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.พรรคประชาชน อภิปรายว่าแรงงานจีนลักลอบทำงานในไทย โดยระบุว่ามีชาวจีนได้รับ Work Permit ราว 50,000 คน ผ่าน BOI อีก 20,000 คน และอาจมีนอกระบบอีก 30,000 คน
หลังฝ่ายค้านแฉ กระทรวงได้สั่งชุดเฉพาะกิจจากกรมจัดหางานและกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานลงพื้นที่ตรวจสอบทันที หากพบว่าเข้ามาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต จะดำเนินการจับ-ปรับ-ผลักดันกลับประเทศทันที เขายังเน้นว่าแรงงานต่างด้าวห้ามทำ 40 อาชีพสงวนของคนไทย เช่น ช่างตัดผมหรือค้าขายปลีก แม้มีใบอนุญาตถูกต้องก็ตาม
ล่าสุดที่ จ.ชลบุรี จับแรงงานต่างด้าวฝ่ากฎหมายได้ 52 คน นายพิพัฒน์ย้ำว่ากระทรวงทำงานเชิงรุก ไม่นิ่งนอนใจ และจะปกป้องอาชีพของคนไทยอย่างเข้มงวด
อ่านข่าวอื่น :
"ชยพล" อัดนายกฯ ปล่อยขบวนการไอโอ แทรกแซงการเมือง ประท้วงวุ่น