วันนี้ (27 ก.พ.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงภายหลังร่วมกันประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
นายภูมิธรรม ระบุว่าการแถลงข่าววันนี้เนื่องจาก ต้องการชี้แจงว่า การส่งกลับตัวชาวอุยกูร์ ทุกกระบวนการ รัฐบาลได้มีการวางแนวทางในการดำเนินการ และเป็นไปตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทำร้ายและการกระทำที่ทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เพื่อให้ชาวอุยกูร์กลับสู่มาตุภูมิและพบกับครอบครัว ยืนยันว่าไทยไม่อยากกักตัว และรัฐบาลจีนมีการร้องขอมา โดยยื่นหนังสือทางการทูตอย่างเป็นทางการ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรง โดยหากนำตัวกลับไปแล้วจะดูแลอย่างดีและจัดหาอาชีพให้ ซึ่งทางการไทย จะเดินทางไปติดตามตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วง 7 วันแรก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จะเดินทางไปตรวจสอบด้วยตัวเอง ส่วนประเด็นที่จีนได้ทำหนังสือมาขอตัวชาวอุยกูร์ ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากประเทศจีนทำหนังสือมาโดยให้เหตุผลว่าต้องการตัวพลเมืองของประเทศตัวเองกลับ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางการไทยเคยส่งตัวกลุ่มผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นหญิงเด็กและคนชราจำนวน 109 คน ให้ประเทศตุรกีเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา และในทุกปีประเทศไทย พยายามติดต่อหาประเทศที่ 3 ให้ แต่ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีประเทศที่ 3 รับตัวกลุ่มชาวอุยกูร์ที่เหลือกลุ่มนี้ไป ทางการไทยจึงเห็นว่าเป็นการดีในการที่จะส่งตัวผู้ต้องกักเหล่านี้ไป แต่ต้องเป็นไปตามการต่อรองในการดูแลสวัสดิภาพของกลุ่มคนเหล่านี้
ยืนยันผู้ต้องหาทั้งหมดมีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับโดยความสมัครใจ ส่วนจะมีเหตุผลอะไรนั้นไม่สามารถตอบแทนได้ และการที่ต้องส่งตัวผู้ต้องกักทั้งหมดในช่วงเวลากลางคืน รวมถึงไม่เปิดเผยรายละเอียดนั้น เพราะไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ในกระบวนการส่งตัว รวมถึงไม่อยากให้กรณีนี้เกิด การจินตนาการไปเอง เพราะทุกอย่างทำตามขั้นตอน ส่วนกรณีนี้จะกระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในมุมมองของต่างชาติ รวมถึงจะมีผลต่อการจัดอันดับการค้ามนุษย์ในประเทศไทยหรือไม่นั้น ตัวเองมองว่าภาพทั้งหมดกับข้อเท็จจริงที่ออกมาจะเป็นคำตอบในเวทีโลก

ด้าน พล.ต.ต.ธนิต กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับหนังสือจาก สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ให้ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน และ ทาง สตม. ได้มีการทำความเข้าใจกับผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ ภายใต้ข้อตกลงที่ว่าหากเดินทางกลับไปแล้วทุกคนจะได้รับความปลอดภัย แม้ช่วงแรกจะมีกลุ่มคนบางส่วนไม่ยินยอมแต่ภายหลังที่ มีการชี้แจงทำความเข้าใจทุกคนจึงยินยอม
พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ขณะนี้ยังคงมีผู้ต้องขัง ชาวอุยกูร์ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำประเทศไทยอีก 5 คนเนื่องจาก มีพฤติกรรมหลบหนีออกจากห้องขังซึ่งทางศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุก 7 ปีและจะมีกำหนดพ้นโทษในปี พ.ศ. 2572 โดยหากพ้นโทษออกมาก็จะมีกระบวนการส่งตัวกลับเช่นเดียวกัน
ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวทิ้งท้ายโดยขอโทษสื่อมวลชนและสังคม ที่ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นนี้ช้า เนื่องจาก ภารกิจนี้เป็นภารกิจลับสุดยอด และมีตัวแปรสำคัญ หากมีการเปิดเผยใบหน้าของกลุ่มผู้ต้องกักทั้งหมดอาจจะกระทบกับความปลอดภัยของผู้ต้องกักทั้งหมดได้
อ่านข่าว :
สถานทูตจีนยืนยัน "ชาวจีน 40 คน" ถูกส่งตัวจากไทยกลับซินเจียง
"อุยกูร์" คือใคร ? รากเหง้าประวัติศาสตร์พันปีสู่ความขัดแย้งร่วมสมัย