ในรายงานของรัฐบาลอังกฤษ ที่มีชื่อว่า Financial sanctions targets: list of all asset freeze targets พบชื่อ พ.อ. ชิตตู หรือ พ.อ.หม่อง ชิตตู (Saw Chit Thu ) ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ( BGF) ถูกขึ้นบัญชีดำ อยู่ในรายชื่อของอาชญากรรมที่รัฐบาลอังกฤษหมายหัวในลำดับที่ 98
โดยรายชื่อดังกล่าวปรากฎในปี 2023 เพื่อยึดอายัดทรัพย์สิน ตามคำสั่งของกฎสิทธิมนุษยชนสากล “the Global Human Rights (Sanctions) Regulations 2020” หลังพบ มีการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และลงทัณฑ์ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในขบวนการค้ามนุษย์อย่างรุนแรง และเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์รายใหญ่จากการค้ามนุษย์ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษยาไถ เมืองเชเวโก๊กโก เมียนมา รวมทั้งบังคับใช้ให้เป็น สเกมเมอร์ โรแมนซ์สเกม คอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งเป็นหุ้นส่วน
นอกจากนี้ ในหนังสือความตกลงร่วมกันของสภาสหภาพยุโรป COUNCIL DECISION (CFSP) ระบุ สถานการณ์ในเมียนมา ปี 2024/2783 of 29 October 2024 หรือเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว พบรายชื่อของ 3 ผู้นำ BGF คือ พ.อ. หม่อง ชิตตู ,พ.ท.โมเตทุน(Lieutenant Colonel Mote Thone) และ 3.พ.ต.ทิน วิน (Major Tin Win) อยู่ในลำดับ 104 -106
ห้ามทำธุรกรรม หรือเข้าประเทศ เนื่องจากบังคับค้ามนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน และปราบปราบปรามการเรียกร้องสิทธิของประชาชนในเมียนมา ในช่วงเลือกตั้งปี 2020 และทำผิดกฎหมาย ขัดขวางการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย เป็นอัน ตรายต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และมนุษย์โลก กระทำความรุนแรงต่อชนกลุ่มน้อย ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม
ในส่วนของประเทศไทย แม้ดีเอสไอจะเลื่อนกำหนดออกหมายจับ พ.อ.ชิตตู กองกำลังพิทักษ์ชายแดน ออกไปตามคำแนะนำของพนักงานสำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ โดยเลื่อนเป็นวันที่ 17 ก.พ.นี้
แต่หากดูมาตรการกดดันจากนานาประเทศ โดยเฉพาะจีน และสหภาพยุโรป การออกหมายจับผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนในข้อหาค้ามนุษย์นั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก
ก่อนหน้านี้ พ.ท.หน่ายหม่อง โซ รองผู้บังคับการกองกำลัง BGF ศูนย์เมียวดี กล่าวกับสื่อเมียนมา หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ของไทย พยายามออกหมายจับผู้นำ 3 คนคือ พ.อ.หม่อง ชิตตู ,พ.ต. เต่งวิน และพ.ท.โมเตทุน ว่า เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์
โดย พ.ท.หน่ายหม่อง โซ ตอบโต้ ทางการไทยว่า เราไม่ใช่พลเมืองไทย และไม่ได้อยู่ในระดับการค้ามนุษย์ เราไม่ใช่พวกชอบโกงคนอื่น ทำร้ายผู้อื่น ปัจจุบันนักธุรกิจชาวจีนที่มาหาเรา เดินทางมาตามเงื่อนไขของตนเองกับนายหน้า ที่ไม่ ใช่ฝ่ายกำลังบีจีเอฟ ไม่มีการบังคับให้มาพวกเขามาในดินแดนของเรา
ขณะที่สำนักข่าว DVB รายงานว่า พ.อ. ชิตตู ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า กองกำลัง BGF ไม่ได้พาคนต่างชาติเข้ามาในเมียนมา พวกเขามาเอง เขามาทางไหนประเทศไทยรู้ดี คนพวกนี้ไม่ได้มีปีกหรือลอยมาจากอากาศ มีชาวต่างชาติที่อ้างตัวว่าเป็นเหยื่ออีกจำนวนมากมากันเองแล้วมาเป็นเหยื่อ หรือเป็นผู้ทำการค้ามนุษย์กันเอง ก็ไม่มีใครรู้ และ BGF พร้อมส่งตัวบุคคลชาตินั้น ๆ ทุกคน ให้ทุกประเทศที่ประสานมาอยู่แล้ว
ประมาณ 1 สัปดาห์ผ่านไป หลังรัฐบาลไทยสั่งระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะไฟฟ้าที่ส่งไปจังหวัดท่าขี้เหล็ก และทางฝั่งเมียนมา ได้แก้ปัญหาซื้อไฟฟ้าจากลาวเพิ่มเติม แต่ได้ถูกจำกัดขายให้เพียง 13 เมกกะวัตต์ ซึ่งไม่พอกับปริมาณความต้องการ จึงทำให้ท่าทีของผู้นำกองกำลัง BGF เหมือนจะอ่อนลง
รายงานจากหน่วยงานความมั่นคง ระบุว่า มาตรการซีลชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะมาตรการงดการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และห้ามส่งน้ำมัน ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนจีนเทา แก็งคอลเซ็นเตอร์ และชนกลุ่มน้อย ไม่ว่าจะเป็นกองกำลัง BGF และกลุ่มกะเหรี่ยงพุทธ ( DKBA ) ทำให้มีการย้ายฐานการปฏิบัติไปที่อื่น ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ในเมืองดังกล่าวได้ลดระดับชั่วโมงการทำงานลง
การถูกกดดันอย่างหนัก ทำให้ผู้บัญชาการควบคุมพื้นที่ของ BGF ทั้งสามพื้นที่ ในฐานะผู้ทำสัญญาให้นักลงทุนสัญชาติจีน มาเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการคอลเซ็น เตอร์ ต้องเร่งหาแนวทางแก้ไข
โดยแจ้งว่า จะเร่งกวาดล้าง และจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ที่เข้ามาดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.เมียวดี ซึ่งคาดว่า มีจำนวนประมาณกว่า 10,000 คน โดยจะขอส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 วันละ 500 คน
เป็นเวลาทั้งหมด 20 วัน และหากทางการไทยไม่ขัดข้อง ทางกลุ่มกองกำลัง BGF จะดำเนินการกวาดล้าง และจับกุมคนจีนที่ดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ใน จ.เมียวดี เมื่อช่่วงบ่ายวานนี้( 12 ก.พ.2568) เพื่อแสดงความจริงใจว่ากองกำลัง BGF พร้อมร่วมมือกับทางการไทยในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันเดียวกัน(12 ก.พ.) ศูนย์สั่งการชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา ได้รับการประสานงานจากกลุ่ม BGF ส่งตัวชาวต่างชาติที่ถูกหลอกลวงไปทำงานที่เมียนมาจำนวน 261 คน ผ่านช่องแคบบ้านห้วยแล้ง อ.พบพระ จ.แม่สอด กลับมายังประเทศไทย และขอให้ทางการไทยประสานกับประเทศต้นทางของชาวต่างชาติเหล่านั้น
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติ จำนวน 260 รายมี ทั้งชาว ลาว ฟิลิปินส์ เคนยา เทนซาเนีย บราซิล ยูกันดา ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ใต้หวัน จำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็น ชาวเอธิโอเปีย
ส่วนบุคคลสัญชาติจีนจำนวน 10,000 คน ที่อยู่ในเมืองเมียวดี คาดการณ์ว่ากองกำลังBGF จะส่งตัวกลับผ่านไทยด้วยเช่นกัน โดยทางการไทยจะประสานสถานทูตจีน และส่วนที่เกี่ยวข้อง ในระดับนโยบายเพื่อกำหนดแผนการปฏิบัติการด้วยเช่นกัน
ขณะที่รายงานสถานการณ์ล่าสุด ในเมืองท่าขี้เหล็ก ระบุว่า แม้ว่าจะมีการจ่ายไฟฟ้าแบบแบ่งช่วงเวลา แต่บางพื้นที่กลับได้รับไฟฟ้า 24 ชั่วโมง ซึ่งทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการรับไฟฟ้า โดยไฟฟ้าที่ได้รับจากลาวมีปริมาณ 13 เมกะวัตต์
ไฟฟ้าจำนวน 5 เมกะวัตต์จะถูกนำไปจ่ายให้กับสำนักงานการไฟฟ้าเมืองท่าขี้เหล็ก ส่วนอีก 8 เมกะวัตต์จะถูกจ่ายให้กับสำนักงานการไฟฟ้าสาขาของเมือง เพื่อกระจายไปให้ส่วนอื่น ๆ ตามลำดับความสำคัญ แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้า
การถูกตีวงล้อมจากการขึ้นบัญชีดำของจากรัฐบาลอังกฤษ และสภาสหภาพยุโรปของ 3 ผู้นำกองกำลัง BGF อาจไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรง หากพวกเขาไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่หากถูกดีเอสไอออกหมายจับในคดีค้ามนุษย์ จะทำให้การเคลื่อนไหวของ “พ.อ.หม่อง ชิตตู” ที่ต้องเดินทางเข้าออก เพื่อรักษาตัวในพื้นที่ในเมืองชั้นใน คงไม่สามารถทำได้ เหมือนในอดีต
ต้องจับดูว่า พ.อ.หม่อง ชิตตู และพรรคพวกจะแก้ปัญหานี้อย่างไร หากไทยยังคงตัดไฟฟ้า และถูกจำกัดพื้นที่การเคลื่อนไหวด้วยหมายจับกุม ท่ามกลางสภาวะเงียบงันจากรัฐบาลตัดมาดอว์
อ่านข่าว:
เบื้องลึก DSI จ่อหมายจับ "หม่อง ชิตตู" ค้ามนุษย์อินเดีย ใต้เงาจีนเทา
สะเทือน "ล้างจีนเทา" เมียวดี งานหินกว่า "เล้าก์ก่าย" โมเดล
"มั่นคง" ส่องชายแดนไทย-เมียนมา หลังตัดไฟ-อินเทอร์เน็ต เมียวดี