ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"กาสิโน" ซ่อนแอบ ประชามติครึ่งทาง "ทางออก" บ่อนถูกกฎหมาย

การเมือง
31 ม.ค. 68
12:14
57
Logo Thai PBS
"กาสิโน" ซ่อนแอบ ประชามติครึ่งทาง "ทางออก" บ่อนถูกกฎหมาย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

เสมือนรัฐบาลจะเงียบกริบ หลังเจอกระแสต่อต้านโครงการ "เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex)" หลังก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้ "รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร" ไฟเขียวเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอแล้วก็ตาม

แต่ระบุว่ายังต้องปรับเนื้อหาข้างในให้สอดคล้องเกับนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาในการส่งเสริมการท่องเที่ยว จากนั้นก็สามารถเสนอเข้าสภาได้เลย 

ท่ามกลางความสับสนว่านโยบายการท่องเที่ยวและกาสิโนในประเทศจะเดินหน้าไปอย่างอย่าง ด้านหนึ่งแม้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะอ้างว่า ได้มีการทำประชาพิจารณ์ไปแล้วก็ตาม และมีประชาชนร้อยละ 80 เห็นด้วย

แต่กลับมีคำถามตามมาว่า สิ่งที่รัฐบาลเคลมนั้น ไม่ต่างจากการทำโพล หรือสำรวจข้อคิดเห็นจากคนกลุ่มเดียว ไม่ใช่ฉันทามติของประชาชนทั้งประเทศ อีกทั้งยังมีการแฝงนัย หรือ "หมกเม็ด" ในข้อกฎหมายเพื่อ "เลี่ยงการรับรู้" ของประชาชน ทั้ง การดำเนินธุรกิจ "กาสิโน"  แทนที่จะมี "เอนเตอร์เทนเมนต์" อื่น ๆ ให้เข้ากับชื่อที่ตั้งมา จึงอาจกล่าวได้ว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริม "การพนัน" ตั้งแต่ต้นหรือไม่ ?

และเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเรียกร้องให้เกิด "ประชามติ (Referendum)" ก่อนการตัดสินใจดำเนินการ ?

เปิดกรณีศึกษา "จีน-ฮาวาย" กาสิโน "บ่อนทำลายชาติ" 

รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง ชี้ว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เป็นร่างกฎหมายที่รัฐบาล "หลอกลวง" ประชาชนอย่างเห็นได้ชัด โดยมีเป้าหมายที่จะประกอบกิจการ "กาสิโน" ตั้งแต่แรก จึงได้เร่งรัดให้ ร่างฯ ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็ว ทั้งยังเลือกทำประชาพิจารณ์ ที่ใช้งบประมาณและเวลาน้อยกว่าประชามติ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาล "จำกัดวงแคบ" ให้กาสิโนเป็นจริงได้ง่ายขึ้น

การเกิดขึ้นของกาสิโน บ่อนทำลายประเทศชาติ แน่นอน โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย ซึ่งความเสียหายจะเกิดกับทุนทรัพยากรมนุษย์ ติดพนันงอมแงม โงหัวไม่ขึ้น มากกว่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่จะตามมา

รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวว่า ประเด็นความสำคัญของการทำประชามติกับการเปิดกาสิโน โดยรัฐบาลใช้อบายมุขมาผลักดันนโยบายเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งประเทศจีน และฟิลิปปินส์ ก็ไม่เอากาสิโน จากเดิมก่อนหน้านี้ แม้ว่าประเทศจีน จะมีประชาชนไปเล่นการพนันในประเทศอื่น ซึ่งทำให้เม็ดเงินจากประเทศจีนหายไปเป็นจำนวนมากอย่างมหาศาล

แต่สีจิ้นผิงมีนโยบายประกาศว่า กาสิโนไม่ถูกกฎหมาย เห็นได้ว่าการมีกาสิโนจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ดังนั้นจำเป็นจะต้องมีการทำประ ชามติ ซึ่งรัฐบาลบอกเองว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย จึงจำเป็นต้องมีการทำประชามติเหมือนกับนานาอารยประเทศ

สี จิ้นผิง ต้องออกมาตรการกวาดล้างกาสิโนในประเทศ ผลลัพธ์ คือ บรรดาผู้ประกอบการหนีออกมายัง ASEAN ในรูปแบบของ ทุนจีนสีเทา แทน หากประเทศใดรับลูก ก็ถือว่าเคราะห์กรรมไป

นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งล่าสุดปี 2566 ไม่มีพรรคการเมืองใดชูนโยบายว่าจะเอาการพนันใต้ดินให้ขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมาย แต่ปัจจุบันกลับนำเอากาสิโนเข้ามาเป็นนโยบายรัฐบาล ถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนที่ลงคะแนนเสียงเลือกเข้ามา อีกทั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กำหนดไว้ในมาตรา 57 ว่า ทุกพรรคการเมืองไม่ได้มีการพูดถึงนโยบายเรื่องนี้ในการหาเสียง

แต่กลับใช้นโยบาย นอกเหนือการรายงานไว้ ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่กกต.ต้องพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร และนโยบายกาสิโนก็เป็นนโยบายที่ผิดกฎหมาย

รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวอีกว่า "ฟิลิปปินส์" แม้มีทุนจีนสีเทาด้านการพนันเข้าไปตั้งฐานธุรกิจ คือ Philippine Offshore Gaming Operators (POGOs) แต่รัฐบาลของ "เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์" ไม่รับลูกง่าย ๆ ออกมาตรการกวาดล้านขนานหนักไม่แตกต่างจาก สี จิ้นผิง ส่งผลให้กาสิโนสัญชาติจีนไม่สามารถตั้งมั่นในฟิลิปปินส์ได้ ถึงแม้ว่าการกระทำนี้ จะทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์สูญเสียรายได้จำนวนมหาศาลก็ตาม

รัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านไทย มีความโปรจีนสูง ทำให้ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน มีเพียงไทยที่แบ่งรับแบ่งสู้ ส่งผลให้เกิดผลกระทบ ทั้งจะทำกาสิโนเอง และมีกาสิโนที่เป็นทุนจีนสีเทาทะลักเข้ามา

รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวว่า บางครั้งเรื่องเงิน ไม่สำคัญเท่าเรื่อง "การคัดกรองคุณภาพ" ของบุคคล โดยย้อนเหตุการณ์ "ฮาวาย" หนึ่งในมลรัฐของสหรัฐฯ ที่ "ปฏิเสธ" การสร้างกาสิโน ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่ต้องการให้ "บุคคลคุณภาพต่ำ" เข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวในพื้นที่ ฮาวายเป็นดินแดนแห่งความสวยงาม ขายวัฒนธรรมและความสุนทรีย์ มากกว่าที่จะให้ผู้คนแวะพักเพื่อเล่นพนัน

ไม่ได้หมายความว่า ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ทำไม่ได้ แต่ฮาวายแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีสิ่งที่อยากนำเสนอมากกว่าหวังเพียงเม็ดเงิน … ในฐานะเมืองท่องเที่ยว เราฝันอยากเป็นแบบฮาวายหรือไม่

คนละครึ่งทาง ทางออก"ประชามติ" กาสิโน

แม้จะมีการยกกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นว่า กาสิโนบ่อนทำลายชาติ ทั้งในด้านทุนทรัพยากรมนุษย์ ที่จะติดพนันงอมแงม หรือการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพต่ำ เข้ามาในประเทศ

แต่ รศ.ดร.ชิดตะวัน ระบุว่า หากรัฐบาลยังดึงดันที่จะสร้างกาสิโนจริง ๆ ควรเอาเยี่ยงอย่าง "ประเทศพัฒนาแล้ว" คือ การทำ "ประชามติ" อย่างถ้วนหน้า เพราะสิ่งที่กำลังทำกันอยู่นั้น "เป็นของใหม่" ไม่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทยมาก่อน แม้จะมีความต้องการอยากทำให้สำเร็จมานานแล้วก็ตาม

พบกันครึ่งทาง คือ ทางออกที่ดีที่สุด รัฐบาลจะมามัดมือชกประชาชน ด้วยการอ้างประชาพิจารณ์ที่ใช้ระยะเวลาเพียง 18 วัน แบบนี้เกินไปมาก ประเทศที่พัฒนาแล้ว และคืนการตัดสินใจกลับสู่ประชาชนทั้งสิ้น

รศ.ดร.ชิดตะวัน ยังบอกอีกว่า การทำประชามติ แม้จะมีความสิ้นเปลืองงบประ มาณพอสมควร แต่จำเป็นต้องทำ เพราะหากเทียบกับมูลค่าความเสียหายที่จะตามมาจากประชาชนที่ติดพนันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ยังถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก

"ใครที่บอกว่า มีการเปิดร่างฯ ให้ประชาชนทั่วไปได้อ่านทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องยอมรับตามจริงว่า ขนาดผู้มีการศึกษาระดับสูง ยังแทบจะอ่านไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว ดังนั้น ทางออกก็ง่าย ๆ แมน ๆ คุยกัน รัฐบาลควรพิจารณาทำประชามติอีกครั้ง" รศ.ดร.ชิดตะวัน ทิ้งท้าย

ประชามติ "กาสิโน" ต้องฟังเสียงประชาชน

ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือ เจ้เอ๋ ออกซิเจนคนจน บอกว่า ไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการกาสิโน ตนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้ แต่เมื่อมองแล้วรู้สึกว่าประเทศนี้ นักการเมืองหาเสียง แถลงนโยบายต่างๆ โดยไม่มีใครบอกว่าจะเอาการพนันถูกกฎหมายเข้ามา

อยากถามว่า ได้ถามประชาชนสักคำไหมว่า การพนันสิ่งผิดกฎหมาย ประชาชนอยากได้หรือไม่ และการทำประชาพิจารณ์ คืออะไร แต่กลับมาบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำประชามติ ถือเป็นคำพูดที่เหยียบประชาชน เพราะประเทศนี้ก็เป็นของประชาชนทุกคน

เจ้เอ๋ บอกว่าไม่ต้องการ การพนันที่มอมเมา ต่อไปในอนาคตอะไรจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ ประเทศไทยไม่ใช่ของนักการเมือง สิ่งที่พัฒนาในประเทศมีมากมายที่รัฐบาลทำได้ จึงควรให้ประชาชนทุกคนออกมามีส่วนร่วม ในเรื่องนี้ว่าจะเอาหรือไม่เอากาสิโน

เสนอล่า 5 หมื่นรายชื่อ เสนอรัฐทำ"ประชามติ"

การทำประชามติ คือ ช่องทางหนึ่งเพื่อเปิดให้สังคมได้ร่วมแสดงความคิดเห็น เนื่องจาก "เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์" เป็นเรื่องใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในอนาคต เนื่่องจากเป็นการเปิดให้มีการเล่นการพนันขนาดใหญ่และพนันอย่างเต็มรูปแบบ

ธนกร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า มูลนิธิฯ จะพยายามล่ารายชื่อเพื่อส่งต่อรัฐบาลในการทำประชามติ ให้ได้ 5 หมื่นรายชื่อ เพื่อเสนอรัฐบาล ให้จัดทำประชามติเสร็จทันภายใต้กรอบกำหนด คือ ต้องไม่เกิน 120 วัน หรือ 4 เดือน  

โดยหัวใช้หัวข้อประชามติว่า "ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการเพิ่มแหล่งพนันในสังคมโดยนโยบายรัฐบาล" ซึ่งครอบคลุมได้ทั้งกาสิโน พนันออนไลน์ หรืออื่น ๆ

ธนกร ทิ้งท้ายว่า การพนันเป็นสิ่งที่พึงถูกจำกัดและควบคุมโดยนโยบายของรัฐ การจะเพิ่มแหล่งพนันโดยใช้นโยบายรัฐบาลเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะโดยการบัญญัติกฎหมายฉบับใหม่ การแก้กฎหมายฉบับเดิม หรือการออกเป็นกฎหมายระดับรอง เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่มีใครเห็นด้วย

หมายเหตุ : เก็บตกจากงานแถลงข่าว “ประชาชนเดินหน้าล่า 5หมื่นรายชื่อ ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ โดยมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันและองค์กรภาคีเครือข่าย 200 องค์กร ร่วมกับ กลุ่มประชาชนหลากหลายอาชีพและนักศึกษา เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2568

ข่าวที่เกี่ยวข้อง