ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สนิมเกิดจากเนื้อในตน ทางแก้-ขจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

การเมือง
23 ม.ค. 68
16:36
75
Logo Thai PBS
สนิมเกิดจากเนื้อในตน ทางแก้-ขจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การขยับครั้งใหญ่รับมือ “แก๊งมิจ” ทั้งคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ และฟอกเงิน ของรัฐบาล หลังโดนชาวเน็ตจีนวิพากษ์โจมตีเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัย สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย

อย่างแรกคือนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ใช้ AI แปลงเสียงพูดเป็นภาษาจีน เพื่อสื่อสารกับชาวจีนโดยตรง ให้ความมั่นใจพร้อมต้อนรับและเชิญชวนให้มาร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีน ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปีของทั้ง 2 ประเทศ

อย่างที่ 2 นายกฯ จะเป็นประธานคิกออฟมาตรการ “ชีลชายแดนปราบอาชญากรรมทุกรูปแบบ” วันที่ 30 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล เล็งจะประเมินผลทุก 6 เดือน หากไม่เห็นผล จะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น ทั้งยังเปิดช่องให้ใครที่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับภารกิจนี้ ให้สมัครใจย้ายออกไปได้

หากเป็นจริง เท่ากับงานความมั่นคงด้านชายแดน จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ อันเป็นผลที่เกิดขึ้นจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติหลายอย่าง หลังการผุดขึ้นของเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา รวมทั้งชายแดนเมียนมา-จีนอย่างเล้าก์ก่าย

แต่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ว่า จะให้น้ำหนักไปที่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะมีกาสิโนบ่อนพนันใหญ่ และกลายเป็นศูนย์ปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยหลอกดูดเอาเงินจากคนที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะอย่างคนไทย

และที่ขาดไม่ได้ คือเป็นแหล่งชุมนุมของอาชกรข้ามชาติ มาเฟีย ผู้มีอิทธิพล และคนมีสีในเครื่องแบบ ที่เข้าไปดูแลควบคุมอีกชั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ หรือฝั่ง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของทหารกะเหรี่ยง

แม้ศูนย์ปฏิบัติการ “แก๊งมิจ” จะอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษประเทศเพื่อนบ้าน แต่ไทยไม่อาจปฏิเสธการเป็นประเทศทางผ่าน หรือแม้แต่เป็นต้นทาง กลางทาง และปลายทาง สำหรับกลุ่มแก๊งอาชกรข้ามชาติเหล่านี้ไม่ได้

ดังที่สส.หลายคน จากหลายพรรค รวมทั้ง กมธ.ความมั่นคง สภาผู้แทนฯ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ได้มีการอภิปราย กระทุ้งให้รัฐบาลปราบปรามอย่างจริงจัง และนำปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นวาระแห่งชาติ เมื่อสัปดาห์ก่อน

กลุ่มแก๊งอาชญากรข้ามชาติ โดยเฉพาะ “จีนสีเทา” ได้เข้ามาสร้างอาณาจักรธุรกิจสีเทา ไม่เพียงในประเทศ แต่ส่วนหนึ่งมีประสานผลประโยชน์ และเป็นเครือข่ายกับกลุ่มแก๊งอาชญากรข้ามชาติกลุ่มอื่น ๆ ที่กระจายอยู่ในหลายประเทศ กลายเป็นเครือข่ายระดับโลก แต่ผลงานปราบปรามของไทย กลับยังไม่มีอะไรเด่นชัด คนที่มีบารมีและกำลังทรัพย์สูง สามารถถือสัญชาติไทยได้ หรือแม้แต่เป็นผู้บริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองใหญ่ เพิ่มคอนเนคชั่นให้ตนเอง

กลุ่ม “แก๊งมิจ” หลายประเภท จะเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันจนแยกไม่ออก เฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นปัญหาใหญ่เบอร์ต้นๆ ของไทยขณะนี้ ข้อมูลจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ถึงมิถุนายน 2567 มีคนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า 575,500 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 65,715 ล้านบาท หรือเฉลี่ยวันละ 80 ล้านบาท

แต่องค์ประกอบสำคัญของกลุ่มแก๊งมิจ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สามารถทำได้สำเร็จ คือ อินเตอร์เน็ต ทั้งคลื่นสัญญาณทางอากาศและทางสายเคเบิลใต้ดิน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุด เพราะจะไปจากฝั่งประเทศไทย ทั้งที่ผู้ขออนุญาตใช้ หรือเป็นผู้ให้บริการแบบโอเปอเรเตอร์จะต้องยื่นขอต่อ กสทช. หรือคณะกรรมการกิจการเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ พร้อมรายละเอียดพื้นที่ให้บริการ

กรณีพื้นที่นอกประเทศไทย การยื่นขอต้องมีใบรับรองจากประเทศนั้น ๆ แต่ทางปฏิบัติ ยังคงเป็นคำถามใหญ่ว่า มีการตรวจสอบหรือลงไปในพื้นที่ตรวจดูข้อเท็จจริงบ้างหรือไม่ แม้เคยมีข่าวว่า ตำรวจได้ร่วมมือกับ กสทช.และบางหน่วยงาน เปิดปฏิบัติการระเบิดสะพานโจร

มีข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่ทั้งของเอกชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับผลประโยชน์มหาศาล จากการช่วยสงเคราะห์ให้กับกลุ่มแก๊งมิจที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน มีอินเตอร์เน็ตใช้

ข้อสงสัยนี้ ไม่ได้มีเฉพาะจากฝั่งประเทศไทย แต่สื่อหนังสือพิมพ์ The Global New Light of Myanmar ซึ่งเป็นสื่อทางการเมียนมา ฉบับวันที่ 21 ม.ค.2025 ได้พูดถึงการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์บริเวณชายแดน มีวิพากษ์โจมตีประเทศเพื่อนบ้าน แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศไทย แต่น่าจะทราบกันดี

เนื้อหาพูดถึงเครือข่ายอาชญากรรมต่าง ๆ รวมทั้งการพนันในกาสิโน ที่กำลังเติบโตในพื้นที่ จ.เมียวดี ทั้งชเวก๊กโก และเคเค พาร์ค ในรัฐกะเหรี่ยง ติดกับประเทศไทย แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ ทำให้ทางการเมียนมาร์เข้าไปจัดการได้ยากลำบาก

ที่สำคัญ สื่อทางการเมียนมา ระบุชัดว่า การหลอกลวงออนไลน์ แก๊งคอล และพนันออนไลน์จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต อาวุธและเครื่องกระสุน รวมถึงอาคารที่ทำการ ซึ่งต้องผ่านการเข้าถึงจากประเทศอื่น แล้วจะเป็นประเทศไหน หากไม่ใช่ประเทศไทย

จึงเป็นการบ้านข้อใหญ่ ที่รัฐบาล นส.แพทองธาร ต้องทำควบคู่กันไปด้วย โดยต้องย้อนกลับมาตรวจสอบเจ้าหน้าที่และคนของฝ่ายไทยเอง ที่มีบทบาท อำนาจ อนุมัติ หรือดำเนินการทั้งเรื่องไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต ทั้งการไฟฟ้า กสทช.

หรืออาจรวมบริษัทยักษ์ใหญ่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อินเทอร์เน็ตไร้สาย โทรศัพท์ผ่านโครงข่ายโทรคมนาคม และอื่น ๆ อีกมาย ที่รู้จักกันดีว่าหมายถึงบริษัทใด

นี่คือหนึ่งในแนวทางปฏิบัติจริง ไม่ใช่โลกสวย หวังแค่การใช้ เอไอ พูดเสียงจีน เชิญชวนนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศไทย แล้วจะได้ผลเลิศหรู ทั้งที่แนวทางปราบปรามหรือเอาจริงเรื่องนี้ ยังไม่ได้เริ่มต้นอย่างที่ควรจะเป็น

เพราะสนิมเกิดจากเนื้อในตน

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : “แม่ฮ่องสอน” สนุก อดีตนายกชิงกับ อดีตประธานสภาฯ

"เด็กอ้วนไม่ใช่เด็กสมบูรณ์" ความเชื่อผิด ๆ ที่ต้องเปลี่ยน

เปิดตัว 5 คน ลงชิงนายก อบจ.มุกดาหาร โปรไฟล์ไม่ธรรมดา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง