เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 สำนักข่าว BBC รายงาน โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังเตรียมเข้ารับตำแหน่งประธษนาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ได้กล่าววิจารณ์นายเควิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครต โดยกล่าวหาว่าการจัดการที่ผิดพลาดของนิวซัมเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไฟป่าครั้งนี้กลายเป็นหายนะระดับประวัติศาสตร์ ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า
ไฟป่ายังโหมกระหน่ำในลอสแอนเจลิส นักการเมืองที่ไร้ความสามารถไม่รู้วิธีจัดการมัน บ้านหลายพันหลังถูกทำลาย และอีกจำนวนมากจะถูกเผาในไม่ช้า พวกเขาไม่สามารถดับไฟได้ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่ ?
ทรัมป์ยังอ้างว่านิวซัมปฏิเสธที่จะลงนามใน "คำประกาศฟื้นฟูน้ำ" ซึ่งเขาอ้างว่าจะช่วยนำน้ำจำนวนมหาศาลมาใช้ในการดับไฟ อย่างไรก็ตาม เอกสารดังกล่าวกลับไม่มีหลักฐานว่ามีอยู่จริง
ในอดีต นิวซัมเคยคัดค้านความพยายามของทรัมป์ในปี 2563 ที่จะเบี่ยงเบนการส่งน้ำจากแคลิฟอร์เนียตอนเหนือไปยังพื้นที่เกษตรกรรมทางตอนใต้ โดยทรัมป์กล่าวว่านิวซัมต้องการปกป้องปลาใกล้สูญพันธุ์อย่าง Delta Smelt ที่ทรัมป์เรียกว่า "ไร้ค่า" แต่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าการตัดสินใจนี้ไม่มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่ใช้ในการดับไฟป่า
เจฟฟรีย์ เมานต์ ผู้เชี่ยวชาญจาก Public Policy Institute of California ระบุว่า การเบี่ยงเบนน้ำจากแคลิฟอร์เนียตอนเหนือไม่มีความเกี่ยวข้องกับความพร้อมของน้ำสำหรับการดับไฟในปัจจุบัน โดยข้อมูลล่าสุดยังยืนยันว่าถึงแม้แคลิฟอร์เนียจะเผชิญภัยแล้ง แต่แหล่งกักเก็บน้ำส่วนใหญ่ในพื้นที่ตอนใต้ยังคงมีระดับน้ำสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ในเขต Pacific Palisades อย่างอ่างเก็บน้ำ Santa Ynez ซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงและว่างเปล่าในช่วงที่ไฟป่าเริ่มขึ้น อาจมีส่วนทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่
ไฟป่าลอสแอนเจลิส ความเสียหายยังไม่สิ้นสุด
สถานการณ์ไฟป่าที่ลุกลามในลอสแอนเจลิสยังคงรุนแรงและสร้างความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 24 ราย โดยมีความเป็นไปได้ว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาซากบ้านเรือนในพื้นที่ที่ถูกเผาทำลาย ขณะเดียวกัน ไฟป่า 2 แห่งใหญ่ในพื้นที่ ได้แก่ Palisades และ Eaton ยังคงเผาไหม้โดยไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง
ไฟป่าในเขต Palisades ถือเป็นไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยเผาพื้นที่ไปแล้วกว่า 23,000 เอเคอร์ (59,820 ไร่) ซึ่งนักผจญเพลิงสามารถควบคุมได้เพียงร้อยละ 11 ไฟป่านี้กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออก คุกคามย่านหรูอย่าง Brentwood ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Getty Center พิพิธภัณฑ์ศิลปะชื่อดัง ในขณะที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) ซึ่งอยู่ใกล้เคียงยังคงรอคำสั่งเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ โดยทางมหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์เพื่อความปลอดภัย
ความเสียหายจากไฟป่าครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม มีสิ่งปลูกสร้างถูกเผาทำลายแล้วกว่า 12,000 แห่ง โดยในจำนวนนี้รวมถึงบ้านเรือนมากกว่า 7,000 หลังในพื้นที่ Eaton และอีก 5,300 แห่งในพื้นที่ Palisades จำนวนผู้ที่ต้องอพยพลดลงจากวันก่อน แต่ยังคงมีประชาชนกว่า 105,000 คนที่อยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีกกว่า 87,000 คนที่ได้รับคำเตือนให้เตรียมพร้อม
สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงเมื่อลม Santa Ana ที่คาดว่าจะพัดแรงอีกครั้งตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ถึงวันพุธ โดยความเร็วลมอาจสูงถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) สร้างความกังวลว่าจะทำให้ไฟป่าขยายตัวอีก
ในปัจจุบัน มีนักผจญเพลิงกว่า 14,000 นาย พร้อมเครื่องบิน 84 ลำ และรถดับเพลิง 1,354 คันในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีกรณีโดรนที่ชนกับเครื่องบิน "Super Scooper" หนึ่งในเครื่องบินดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ส่งผลให้เครื่องบินต้องหยุดปฏิบัติการชั่วคราว
เจ้าหน้าที่ยังได้ประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อป้องกันเหตุปล้นสะดม โดยตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 29 ราย รวมถึงผู้ที่ปลอมตัวเป็นนักดับเพลิงเพื่อเข้าไปยังพื้นที่ที่ได้รับคำสั่งอพยพ ในขณะเดียวกัน หน่วยงาน Southern California Edison ได้ตัดระบบจ่ายไฟฟ้าชั่วคราวให้กับลูกค้ากว่า 26,000 ราย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดไฟป่า ซึ่งส่งผลให้ประชาชนและธุรกิจกว่า 35,000 แห่งไม่มีไฟฟ้าใช้
เร่งสอบสวนสาเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนีย
สาเหตุของไฟป่าครั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าสาเหตุจากฟ้าผ่าซึ่งเป็นต้นเหตุที่พบได้บ่อยในไฟป่าสหรัฐฯ ถูกตัดออกไป เช่นเดียวกับปัญหาสายไฟฟ้าลัดวงจรที่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม การเติบโตของพืชพันธุ์จำนวนมากในปี 2565–2564 ซึ่งแห้งเหือดในช่วงฤดูแล้งปีนี้ ได้กลายเป็นเชื้อไฟที่ช่วยเร่งการลุกลามของไฟป่า ประกอบกับลมแรง Santa Ana และระดับความชื้นในอากาศที่ต่ำยิ่งทำให้ไฟป่าเกิดขึ้นได้ง่ายและยากต่อการควบคุม
ในขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามดับไฟและบรรเทาสถานการณ์ นักวิชาการชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีบทบาทสำคัญในไฟป่าครั้งนี้ อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ความแห้งแล้งที่ยาวนาน และสภาพอากาศที่แปรปรวนจาก "ภาวะโลกร้อน" ทำให้ไฟป่ากลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในแคลิฟอร์เนีย ข้อมูลจากหน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหรัฐฯ ระบุว่าภาวะโลกร้อนทำให้ไฟป่าในพื้นที่ตะวันตกของสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่ขึ้น รุนแรงขึ้น และเกิดบ่อยขึ้น
นอกจากปัจจัยด้านธรรมชาติแล้ว ประเด็นเรื่องความพร้อมของหน่วยงานท้องถิ่นก็กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง โดยมีรายงานว่าท่อส่งน้ำบางแห่งไม่มีน้ำเพียงพอในขณะที่ไฟป่าเกิดขึ้น นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำ Santa Ynez ซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงและว่างเปล่าในช่วงไฟป่า ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้การควบคุมไฟป่าเป็นไปได้ยากขึ้น
นักวิจารณ์ยังตั้งคำถามถึงการลดงบประมาณของกรมดับเพลิงลอสแอนเจลิสในปีนี้ โดยงบประมาณถูกลดลง 17.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีการเพิ่มงบประมาณสำหรับอุปกรณ์ใหม่และค่าแรงในภายหลัง แต่การขาดบุคลากรและอุปกรณ์บางส่วนก็ส่งผลกระทบต่อการตอบสนองต่อไฟป่า
ไฟป่าครั้งนี้คาดว่าจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจระหว่าง 2.5-2.75 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กลายเป็นไฟป่าที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟป่าในแคลิฟอร์เนียรุนแรงขึ้น
อ่านข่าวเพิ่ม :
Eason Chan ยกเลิกคอนเสิร์ต -ทัวร์จีนยกเลิกปมไทยไม่ปลอดภัย เศรษฐกิจ 13 ม.ค. 68 10:59 51
ไทม์ไลน์ "ซิงซิง" จากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงชายแดน "ไทย - เมียนมา"