ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สภาพอากาศสุดขั้ว ผลักดัน "แคลิฟอร์เนีย" สู่วิกฤตไฟป่า

ต่างประเทศ
10 ม.ค. 68
13:21
2,603
Logo Thai PBS
สภาพอากาศสุดขั้ว ผลักดัน "แคลิฟอร์เนีย" สู่วิกฤตไฟป่า
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
แคลิฟอร์เนียเผชิญวิกฤตไฟป่ารุนแรงสุดในรอบหลายปี สภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างรวดเร็ว ฝนตกหนักช่วงต้นปี ภัยแล้งช่วงฤดูร้อน ทำพืชพรรณแห้งแล้งกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เมื่อรวมกับลมแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไฟป่าจึงลุกลามอย่างรวดเร็วและควบคุมยาก

ช่วงปีที่ผ่านมา แคลิฟอร์เนียตอนใต้ถูกน้ำท่วมจนหลายพื้นที่แทบจมอยู่ใต้น้ำ สภาพอากาศเลวร้ายจาก "Atmospheric Rivers" ได้เริ่มตั้งแต่เดือน ธ.ค.2566 และทวีความรุนแรงในเดือน ก.พ.2567 โดย "ลอสแอนเจลิส" เคยได้รับปริมาณน้ำฝนเกือบ 1 ฟุตในช่วงเวลานั้น พายุฤดูหนาวครั้งนั้นทำให้เกิดน้ำท่วมบนถนน น้ำพัดพารถยนต์ และเกิดดินถล่มหลายร้อยจุด

แต่ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน สภาพอากาศกลับพลิกผันอย่างสิ้นเชิง

ปีที่แล้ว แคลิฟอร์เนียเพิ่งเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้ว ฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ฤดูฝนที่ที่แห้งแล้ง ไม่มีฝนตกเช่นกัน สภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งกลับทำให้พืชพันธุ์เติบโตอย่างรวดเร็วจากปริมาณน้ำฝนมหาศาลที่ตกลงมาในช่วงฤดูหนาว และแปรสภาพเป็นเชื้อเพลิง ที่ทำให้เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของลอสแอนเจลิส

ไฟป่าขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Palisades Fire ลุกลามอย่างรวดเร็วใกล้ย่านพาลิเซดส์ในลอสแอนเจลิส โดยกินพื้นที่กว่า 200 เอเคอร์และคุกคามบ้านเรือนในบริเวณนั้น ทางการต้องออกคำสั่งอพยพในพื้นที่บางส่วนของย่านชายฝั่ง รวมถึงถนนแปซิฟิกโคสต์ไฮเวย์ (PCH) ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญของภูมิภาค 

ในเวลาเดียวกัน ไฟป่าขนาดเล็กอีกจุดหนึ่งเกิดขึ้นในย่านฮอลลีวูดฮิลส์ใกล้ถนนซันเซ็ต ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญในลอสแอนเจลิส แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ไฟป่าในพื้นที่นี้ก็เพิ่มความกังวลต่อสถานการณ์ไฟป่าที่กำลังเกิดขึ้น

ดร.แดเนียล สเวน นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) อธิบายว่า หากแคลิฟอร์เนียได้รับฝนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงฤดูฝนยาวถึงฤดูหนาว ในช่วงหลายเดือนก่อนหน้า ความเสียหายจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้อาจลดลงก็ได้

แคลิฟอร์เนียเปลี่ยนไปเพราะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

แคลิฟอร์เนียมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีลักษณะเฉพาะฤดูร้อนที่แห้งแล้งและฤดูหนาวที่มีฝนตกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รัฐนี้ค่อนข้างเปราะบางต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถนำพาแคลิฟอร์เนียเข้าสู่ช่วงเวลาของน้ำท่วมใหญ่หรือภัยแล้งรุนแรงได้

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (NWS) ได้ออกคำเตือนระดับ "สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง" หรือ Particularly Dangerous Situation Red Flag Warning ซึ่งเป็นคำเตือนระดับสูงสุดเกี่ยวกับสภาพอากาศเสี่ยงไฟป่า คำเตือนนี้ครอบคลุมพื้นที่เขตลอสแอนเจลิสและเวนทูรา โดยระบุว่า สภาพลมแรงและความชื้นต่ำในบรรยากาศจะทำให้ไฟป่าที่เกิดขึ้นลุกลามอย่างรวดเร็วและควบคุมได้ยาก

"พายุลม แซนตาอะนา" ที่เกิดขึ้นในปี 2568 นี้ถือเป็นหนึ่งในพายุที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 ในครั้งนั้นพายุได้ทำลายต้นไม้จำนวนมากในพื้นที่พาซาดีนาและหุบเขาซานเกเบรียล และสร้างความเสียหายให้กับระบบไฟฟ้าจนทำให้ไฟฟ้าดับเป็นเวลาหลายวัน เหตุการณ์ในครั้งนี้คาดว่าจะสร้างผลกระทบในลักษณะเดียวกัน โดยลมกระโชกแรงในพื้นที่ลอสแอนเจลิสและเวนทูราสามารถทำความเร็วได้ถึง 50-80 ไมล์/ชั่วโมง และในพื้นที่สูงอาจแรงถึง 100 ไมล์/ชั่วโมง

ลมที่รุนแรงเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดต้นไม้ล้มและสายไฟขาด แต่ยังสามารถก่อให้เกิดประกายไฟที่อาจลุกลามกลายเป็นไฟป่าครั้งใหญ่ได้ทุกเมื่อ ด้วยสภาพอากาศที่แห้งแล้งกว่าปกติในฤดูฝน ทำให้พืชพรรณในพื้นที่กลายเป็นเชื้อเพลิงที่ง่ายต่อการติดไฟ ความแห้งแล้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปลายฤดูร้อนที่ผ่านมา และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงปลายปี

ฤดูไฟป่าที่ไม่สิ้นสุด

ตามปกติ ฤดูไฟป่าของแคลิฟอร์เนียจะถึงจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม เมื่อเชื้อเพลิงธรรมชาติที่แห้งจากฤดูร้อน ปะทะกับลมแรงก่อนที่ฝนฤดูหนาวจะมาถึง

แต่ในปัจจุบัน ไฟป่ากลับเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลา

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เควิน นิวซัม กล่าวถึงปัญหานี้ว่า ที่ผ่านมาเราเคยเชื่อว่าแคลิฟอร์เนียมีฤดูไฟป่า แต่ตอนนี้เราต้องเลิกคิดแบบนั้นไปแล้ว เพราะในโลกที่กำลังร้อนขึ้น ทำให้ไฟป่าเกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียได้ตลอดทั้งปี

แม้ว่าฤดูฝนของแคลิฟอร์เนียตอนใต้ในปีที่ผ่านมาเคยสร้างความชุ่มชื้นและฟื้นฟูธรรมชาติในภูมิภาค แต่ในปีนี้ สภาพอากาศกลับพลิกผันอย่างรุนแรง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกทำให้ปรากฏการณ์สวิงของสภาพอากาศ (Weather Whiplash) เกิดขึ้นบ่อยขึ้น ส่งผลให้ภูมิภาคนี้ต้องเผชิญกับฤดูแล้งที่แห้งที่สุดในประวัติศาสตร์

พืชพรรณที่เคยเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจากฤดูฝนในปีก่อนหน้าได้กลายเป็นเชื้อเพลิงที่ทำให้ไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็ว ขณะที่พายุลมแรงที่ไม่ปกติในช่วงเวลานี้ของปีได้เพิ่มความรุนแรงให้กับสถานการณ์ไฟป่า ทำให้ไฟสามารถลุกลามจากบ้านหลังหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่งได้ในเวลาอันสั้น

ขณะนี้ แคลิฟอร์เนียตอนใต้กำลังเผชิญกับฤดูหนาวที่แห้งแล้งที่สุดเท่าที่เคยมีมา นักพยากรณ์เตือนว่าภูมิภาคนี้ยังคงเสี่ยงต่อไฟป่าที่รุนแรงจนถึงเดือนมกราคม การที่ฝนฤดูหนาวมาถึงช้ากว่าปกติ อาจทำให้พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต้องเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายมากขึ้น

ปัญหาเหล่านี้ย้ำให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่เพียงแต่ทำให้สภาพอากาศสุดขั้วเกิดบ่อยขึ้น แต่ยังทำให้การคาดการณ์และการเตรียมการรับมือยากขึ้นอีกด้วย

อ่านข่าวอื่น :

ไฟป่าแคลิฟอร์เนียวิกฤต พังทลายชีวิต-ทรัพย์สิน อพยพนับแสนคน

ออสการ์เลื่อน! ไฟป่าแคลิฟอร์เนียโหมกระหน่ำคร่าชีวิตแล้ว 5 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง