วันนี้ (9 ม.ค.2568) นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความล่าช้าในการแก้ไขปัญหากรณี 4 ลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับกุมโดยรัฐบาลเมียนมา พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการขาดความชัดเจนในแนวทางการดำเนินการจากรัฐบาลไทย
นายรังสิมันต์ระบุว่า คณะกรรมาธิการได้พยายามหารือแนวทางการเจรจากับรัฐบาลเมียนมาเพื่อปล่อยตัวลูกเรือไทย แต่ยังไม่มีการตอบรับที่ชัดเจนจากรัฐบาลเกี่ยวกับมาตรการที่ดำเนินการหรือระยะเวลาที่จะสามารถนำพวกเขากลับสู่ประเทศไทยได้ สิ่งที่ รบ.ไทยควรทำ คือการแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งผ่านการใช้กลไกการเจรจาต่อรอง เช่น การพิจารณาสิทธิประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
แต่สิ่งที่เราเห็นคือความเฉื่อยชาและขาดความสำคัญต่อชีวิตพลเมืองของเรา
นายรังสิมันต์ยังชี้ว่า กรณีนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงความเสียเปรียบของไทยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเน้นว่าการประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลเมียนมาควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เราต้องแสดงความพร้อมในการปกป้องพลเมืองของเรา ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหาย
คอลเซนเตอร์ล้อมรอบชายแดนไทย
นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ยังได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ดำเนินการอยู่รอบชายแดนประเทศไทย โดยระบุว่ามีฐานปฏิบัติการทั้งหมด 75 แห่ง กระจายอยู่ในเมียนมา กัมพูชา และพื้นที่อื่น ๆ เขาชี้ว่าปัญหานี้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องภายในประเทศ แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าว
นายรังสิมันต์ยังตั้งข้อสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์และการดำเนินงานของแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยเรียกร้องให้ ผบ.ตร. สั่งการตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อฟื้นฟูความน่าเชื่อถือขององค์กร เราไม่สามารถปล่อยให้คนมีสีหรือผู้มีอำนาจบางคนแสวงหาผลประโยชน์จากความทุกข์ของผู้อื่นได้
ซิงซิงกระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยว
นายรังสิมันต์ยังได้กล่าวถึงกรณีของ "ซิงซิง" ดาราชาวจีนที่หายตัวไปในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยระบุว่ามีข้อมูลว่าเขาถูกขายต่อให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการค้ามนุษย์และการดำเนินการของเครือข่ายอาชญากรรมที่ยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล พร้อมยังกล่าวว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ยังเสริมว่าหากประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง จะนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยที่ชัดเจนในสายตาของนักท่องเที่ยว และจะทำให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยลดลง
เร่งสืบเบื้องหลังคนสั่งยิง ลิม กิมยา
สำหรับกรณีการลอบยิง นายลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ในประเทศไทย นายรังสิมันต์ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจในพื้นที่ โดยเรียกร้องให้ตำรวจไทยขยายผลการสืบสวนเพื่อนำผู้ที่อยู่เบื้องหลังมารับโทษ เราไม่สามารถหยุดที่การจับกุมมือปืนเท่านั้น ต้องมีการสืบสวนไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่ที่อาชญากรรมสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการรับผิดชอบ
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์เสนอให้รัฐบาลยกระดับการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลเมียนมา โดยใช้กลไกที่มากกว่าแค่กระทรวงการต่างประเทศ และเรียกร้องให้ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร มีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ นอกจากนี้ยังเตือนว่าหากรัฐบาลยังคงเพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ อาจนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร
รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีคิดและยกระดับการดำเนินการ ไม่ใช่แค่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องมีแผนระยะยาวเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาชาติ นายรังสิมันต์สรุป
อ่านข่าวอื่น :
ตร.เร่งคลายปม เหตุ "คนกาญจนบุรี" ตกตึก 18 ชั้นในปอยเปต
ลอบสังหารอดีต สส. “เพื่อนบ้าน” ส่อบาน โยงปมขัดแย้งการเมืองในกัมพูชา