กรณีตำรวจจับขบวนการคอลเซนเตอร์ชาวจีนที่ย่านห้วยขวาง พร้อมยึดของกลางซิมการ์ดเกือบ 300,000 ชิ้นและเครื่องซิมบ็อกซ์เกือบ 300 เครื่อง กสทช.ตรวจสอบเบื้องต้นพบทั้งหมดเป็นซิมของผู้ให้บริการเครือข่ายเพียงรายเดียว
วันนี้ (26 ธ.ค.2567) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด มหาชน ชี้แจงว่า ซิมการ์ดที่ปรากฏเป็นข่าวมาจาก “กระบวนการกว้านซื้อ” จากร้านค้ารายย่อยจำนวนมาก ไม่ใช่การซื้อล็อตใหญ่จากผู้จำหน่ายเพียงรายเดียว และซิมทั้งหมดยังไม่มีการลงทะเบียนเปิดใช้งาน ขณะนี้บริษัทฯ ได้ประสานตำรวจส่งทีมเข้าตรวจสอบสแกนซิมทั้งหมด เพื่อทราบแหล่งที่มา เบื้องต้นพบว่าซิมของกลางมากกว่าครึ่งมาจากต่างประเทศ
จากการสอบถาม กสทช. ได้ข้อมูลว่า ผู้ให้บริการเครือข่ายทุกรายจะมีตัวแทนจำหน่าย หรือที่เรียกว่า "ลูกตู้" นำซิมไปขายให้ลูกค้าบุคคลและนิติบุคคล โดยผู้ครอบครองซิมไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล ต้องยืนยันตัวตนเพื่อเปิดใช้งานซิม ระบุชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขที่ใช้งาน วันที่และสถานที่เปิดใช้งาน ส่วนการลงทะเบียนแบบนิติบุคคล ใช้เลขทะเบียนประจำตัวนิติบุคคลและผู้รับมอบอำนาจ
กรณีของกลางเกือบ 300,000 ซิม กสทช. พบว่าถูกขายจากร้านค้าในประเทศไทยให้กับลูกค้าที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ แต่กลับพบซิมบางส่วนถูกเปิดใช้งานแล้ว
คำชี้แจงของบริษัททรูฯ ระบุด้วยว่า มีการยกเลิกคู่ค้าที่เข้าข่ายต้องสงสัย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วจำนวนมาก รวมทั้งยกเลิกซิมและเลขหมายที่เข้าข่ายจะถูกมิจฉาชีพนำไปใช้งาน รวมทั้งซิมที่ร้านค้าแจกฟรีและซิมที่รายย่อยนำไปจำหน่ายราคาถูก เป็นต้น
ขณะที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่า รอผู้ให้บริการเครือข่ายและ กสทช.ส่งข้อมูลการตรวจสอบซิมทั้งหมดมาเทียบกับระบบแจ้งความออนไลน์ เพื่อตรวจสอบซ้ำว่ามีการใช้เบอร์จากซิมเหล่านี้ก่อเหตุแล้วหรือไม่
อ่านข่าว
จับแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีน ในคอนโดกลางกรุง พบ Sim Box 286 เครื่อง - ซิมการ์ด 3 แสนชิ้น