เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ สน.ห้วยขวาง บุกจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ ภายในห้องพักของคอนโดมิเนียม ย่านพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ห้องพักที่เข้าตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้ พบว่าอยู่บริเวณชั้น 16, 17 และ 23 รวม 6 ห้อง
จากการตรวจสอบภายในห้องพบ เครื่องกระจายสัญญาณ หรือ Sim Box จำนวน 286 เครื่อง, ซิมการ์ดมือถือ 300,000 ชิ้น, โทรศัพท์มือถือ 636 เครื่อง และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 100 เครื่อง พร้อมจับกุม นายหยาง ชุน ชายชาวจีน หัวหน้าของแก๊งคอลเซนเตอร์ พร้อมพวกรวม 6 คน
จากการสอบถามหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองอาศัยอยู่ที่ประเทศจีน และเห็นประกาศรับสมัครงานโปรแกรมเมอร์มาทำงานที่ไทย รายได้เดือนละ 8,000 หยวน หรือประมาณ 40,000 บาท จึงตัดสินเข้าทำงาน โดยไม่ทราบว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งทำงานมาได้ประมาณ 1 เดือน
ส่วนหน้าที่ของตัวเองในแก๊งคอลเซนเตอร์คือจะคอยทำหน้าที่เปลี่ยนซิมการ์ดในเครื่องกระจายสัญญาณ เพื่อใช้สมัครบัญชีโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งของไทยและจีน เมื่อสมัครเสร็จระบบจะนำไปยิงโฆษณาให้คนมากดเพื่อทำเงินให้ได้ 20 หยวนต่อบัญชี เมื่อครบก็จะเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่ไปเรื่อย ๆ โดยมีนายชุน หรือ ชุนเกอ เป็นหัวหน้าที่คอยเอาซิมการ์ดมาให้
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพบความผิดปกติเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่เข้ามาพักในคอนโดมิเนียมแห่งนี้ เพราะต้องสงสัยว่ากระทำผิดกฎหมายจึงขอหมายศาลเข้าตรวจค้น ระหว่างช่วงที่นายหยาง ชุน อยู่ด้วยห้องพัก
จากการตรวจค้นจับกุมพบว่าเป็นเครือข่ายซิมบ็อกซ์แก๊งคอลเซนเตอร์กลางเมืองที่เข้าประเทศไทยได้ประมาณ 3 เดือน ด้วยวีซานักเรียนและวีซาท่องเที่ยว โดยก่อนหน้าที่จะมาไทยก็พบประวัติเดินทางไปที่ลาวและกัมพูชามาก่อน ส่วนคอนโดกลุ่มผู้ต้องหาได้อาศัยอยู่ประมาณ 2 เดือน และมีการนำโปรแกรม AI มาใช้ในการลงทะเบียนซิมและสมัครบัญชีโซเชียลมีเดียนำไปหลอกคน ทำให้แม้ตำรวจจะปิดกั้นบัญชีก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เบื้องต้นตำรวจจะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองควบคุมตัวเพิกถอนวีซา และแจ้งข้อหาร่วมกันมี ใช้นำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต, นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ซ่อนเร้นของที่พึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิด, เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน
นอกจากผู้ต้องหา 6 คนนี้ ยังมีผู้ต้องหาอีก 3 คนที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งตำรวจก็ได้นำชื่อเข้าสู่ระบบ Watch list ไม่ให้ออกนอกประเทศ และเตรียมออกหมายจับ ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
อ่านข่าว : วางแผนล่วงหน้า ปีใหม่ 2568 เช็กเส้นทางเลี่ยงรถติดครบทุกภาค
ทอ.ส่ง F-16 บินพิสูจน์-สกัดอากาศยานไม่ทราบฝ่าย ชายแดนไทย-เมียนมา
เสียชีวิต 2 บาดเจ็บอีกเกือบ 70 คน เหตุรถพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี