ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จับบัญชีม้าแก๊งคอลเซนเตอร์หลอก "หนุ่ม 17 ปี - ย่า" สูญเงินเก็บ 3.4 ล้าน

อาชญากรรม
20 ธ.ค. 67
09:38
153
Logo Thai PBS
จับบัญชีม้าแก๊งคอลเซนเตอร์หลอก "หนุ่ม 17 ปี - ย่า" สูญเงินเก็บ 3.4 ล้าน
ตำรวจไซเบอร์จับ "บัญชีม้าแถวแรก" แก๊งคอลเซนเตอร์หลอกหนุ่ม 17 ปี และย่า สูญเงินเก็บทั้งชีวิต 3.4 ล้านบาท เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ เร่งขยายผลตัวการก่อเหตุ

19 ธ.ค.2567 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวคืบหน้าหนุ่มวัย 17 ปี และย่า ถูกหลอกโอนเงินเก็บทั้งชีวิต กว่า 3.4 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย โดยล่าสุด พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ชุดสืบสวน นำหมายจับศาลอาญาที่ 6106/2567 เข้าจับกุมตัวนายภีมากร อายุ 32 ปี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ลีร่วมกันฟอกเงิน โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.6 ต.ถลุงเหล็ก อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

สอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าไม่เคยรับจ้างเปิดบัญชี แต่เคยไปลงข้อมูลไว้ในแอปพลิเคชันหางาน และมีการแจ้งข้อมูลส่วนตัว รวมทั้งเลขบัตรประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบข้อมูลหลักฐานสำคัญเส้นทางการเงิน และอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอื่นที่ร่วมขบวนการรวมไปถึงตัวการใหญ่ คาดว่าจะมีความคืบหน้าเร็ว ๆ นี้

คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีเยาวชนชาย อายุ 17 ปี อาศัยอยู่กับปู่และย่าในพื้นที่ จ.อุดรธานี ได้ถูกกลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์โทรศัพท์หลอกลวง อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จนสูญเงินกว่า 3.4 ล้านบาท โดยมีสายปริศนาโทรเข้ามา อ้างว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีฟอกเงิน โดยมิจฉาชีพที่โทรเข้ามานั้นทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย และแจ้งว่าได้อายัดบัญชีและปิดการใช้งานแอป Mobile Banking ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้

เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบ ปรากฏว่าบัญชีธนาคารถูกอายัดและไม่สามารถเข้าใช้งานแอป Mobile Banking ผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง

จากนั้นมีคนแต่งกายเป็นตำรวจทั้งชายและหญิงมาพูดคุยด้วย แล้วแจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 50,000 บาท แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงินในบัญชี มิจฉาชีพจึงบอกให้ไปหาเงินจากบัญชีธนาคารของญาติหรือใครก็ได้ แล้วโอนไปให้ตรวจสอบผู้เสียหายและย่าของผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงนำโทรศัพท์ของย่าที่มีแอปพลิเคชันธนาคารและมียอดเงินในบัญชีจำนวน 2 บัญชี โอนเงินไปให้ผู้ก่อเหตุรวม 10 ครั้ง เป็นจำนวน 1,372,311 บาท

ต่อมาผู้เสียหายยังได้นำโทรศัพท์ของปู่ตนเองโอนเงินให้ผู้ก่อเหตุอีก 1 ครั้ง เป็นเงิน 46,163 บาท แล้วได้นำบัญชีธนาคารอีกบัญชีของย่า ซึ่งไม่สามารถโอนผ่านแอปพลิเคชันได้ไปปิดบัญชีที่ธนาคาร แล้วนำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนโอนให้มิจฉาชีพอีก 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 1,998,004 บาท รวมความเสียหายที่โอนเงินทั้งสิ้น 3,412,642 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินเก็บของปู่และย่าของผู้เสียหายที่ได้เก็บมาทั้งชีวิต

อ่านข่าว : ร้อง สธ.ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต สงสัยลูกสะใภ้วางยาแม่-ยาย 

รมว.กต.เมียนมา ยืนยันปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทยเร็ว ๆ นี้ 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง