ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"พาณิชย์" เร่งสอบ 2 บริษัท โยงอาคาร สตง.ถล่ม

เศรษฐกิจ
3 เม.ย. 68
20:04
224
Logo Thai PBS
"พาณิชย์" เร่งสอบ 2 บริษัท โยงอาคาร สตง.ถล่ม
อ่านให้ฟัง
04:34อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กระทรวงพาณิชย์ เร่งตรวจสอบ 2 บริษัท เชื่อมโยง อาคาร สตง. ถล่ม เบื้องต้นพบบริษัทเครือข่าย 37 บริษัท พร้อมประสานกรมบัญชีกลาง ตรวจสอบ 26 โครงการรัฐ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 4 (2/2568) โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิด

นายพิชัย  ระบุว่า คณะทำงานได้ทำการตรวจสอบ 2 บริษัททุนจีน ที่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร สตง.คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ว่า นิติบุคคลทั้งสองราย ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

เบื้องต้นในส่วน  บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีความผิดปกติ และอาจเข้าข่าย "นอมินี" โดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 มีผู้ถือหุ้นชาวจีน ร้อยละ 49 และชาวไทยร้อยละ 51 จากการพิจารณาหลายปัจจัย รวมทั้งกรรมการชาวไทย ที่เป็นผู้ถือหุ้นพบว่า มีความเชื่อมโยงกับอีก 13 บริษัท 

ส่วน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล พบมีผู้ถือหุ้นชาวจีนร้อยละ 80 กรรมการบริษัทนี้ มีความเกี่ยวข้องกับอีก 24 บริษัท ทุนจดทะเบียนรวมกันกว่า 7,600 ล้านบาท และหากรวมบริษัทที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด 37 บริษัท 

ทั้งนี้ ยังพบว่า ไชน่า เรลเวย์ คว้างานรัฐ 26 โครงการ ขนาดโครงการมูลค่าตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป บางโครงการมูลค่าสูงถึงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งกรมบัญชีกลาง จะเข้าตรวจสอบการรับงาน และบางส่วนพบ "ทิ้งงาน" หากพบความผิดปกติอาจพิจารณา ขึ้นบัญชีดำ (Black List) บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษแล้ว เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่า การจัดซื้อจัดจ้างอาคาร สตง.อาจมีพฤติการณ์ทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีความผิด 2 ส่วน 

คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และอีกความผิดคือ "นอมินี" ตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 

แนวทางหลังจากนี้ 8 หน่วยงาน จะร่วมกันตรวจสอบ และส่งข้อมูลให้ดีเอสไอ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้เกี่ยวข้อง, กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษี

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ตรวจสอบคุณภาพเหล็ก และอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้าง,  กรมการจัดหางาน ตรวจสอบใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว, กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก, กรมที่ดิน ตรวจสอบการถือครองที่ดิน และ กรมบัญชีกลาง ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง 

สำหรับโทษตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หากพบกระทำผิด กรณีคนไทย ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ (Nominee) มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรณีคนต่างด้าวดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1,000,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและกรณีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสามารถสั่งให้เลิกกิจการ หรือ เพิกถอนการถือหุ้นได้

อ่านข่าว : ขุมทรัพย์ “ไชน่า เรลเวย์” แกะรอยผู้ถือหุ้นจีน-ไทย สร้างอาคารสตง.  

“พิชัย” ชี้พบพิรุธ “ไชน่า เรลเวย์ฯ” เข้าข่ายนอมินี ส่งดีเอสไอสอบเชิงลึก  

เปิด 13 โครงการรัฐไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ชนะประมูล 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง