มติ สว.เห็นชอบร่าง กม.ประชามติ ฉบับกมธ.ร่วมฯ

วันนี้ (17 ธ.ค.2567 ) การประชุมวุฒิสภาในวาระพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ โดยที่ประชุมมีมติ 153 : 24 งดออกเสียง 13 เห็นด้วยกับรายงานของกรรมาธิการร่วมกัน พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงมติ ที่ยื่นเนื้อหาตามที่ วุฒิสภาปรับแก้ ในการทำประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ double majority 

เมื่อเข้าสู่วาระการประชุมได้มีการอภิปรายให้ความเห็นที่หลากหลาย ส่วนหนึ่งกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ เช่น นางอังคณา นีละไพจิตร, นางนันทนา นันทวโรภาส ,นายนรเศรษฐ์ ปนัชญากร ที่อภิปรายให้ความเห็นไปในทิศทางเห็นด้วยกับร่างที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ คือ การทำประชามติใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวที่เรียกว่า simple majority ที่หยิบยกว่า ในหลายประเทศใช้หลักเกณฑ์ข้างมากชั้นเดียว และเสียงข้างมาก 2 ชั้นอาจทำให้มีการรณรงค์ถูกคว่ำการทำประชามติได้ง่าย อย่างการทำประชามติรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ผ่านมา และอ้างอิงถึงการทำประชามติของไทยที่ผ่านมาก็ใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.ร่วมฯชี้แจงว่า หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ เสี่ยงเปิดช่องให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการทำประชามติ ทำให้ฝ่ายที่ไม่อยากให้ประชามติผ่าน มีช่องทางใหม่เอาชนะการทำประชามติ แทนที่จะเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิลงคะแนนไม่เห็นด้วย ก็ไปรณรงค์ให้ประชาชนนอนอยู่กับบ้าน ก็สามารถคว่ำประชามติได้

ที่ตลกร้ายกว่านั้น เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น จะทำให้ประชาชนมาใช้สิทธิออกเสียงน้อยเพราะไม่อยากให้ประชามติผ่าน ขัดกับหลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น ที่อยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเยอะ ๆ การลงมติของ สว.หากต้องการยืนยันเสียงข้างมาก 2 ชั้น ขอให้ลงมติสนับสนุนด้วยใจจริง อย่าลงมติเพียงเพื่อต้องการใช้กลไก ยุทธศาสตร์ ชะลอหรือขัดขวาง เพราะไม่อยากให้การแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จ

นายพิศิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะ กมธ.ร่วมฯ ชี้แจงโดยอ้างอิงจากการสำรวจความเห็นประชาชนของนิด้าโพลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า เสียงส่วนใหญ่สนับสนุนหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติ มีเสียงเห็นด้วย 51.4% สนับสนุนให้ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงในการทำประชามติและเสียงอีก 59.84 % เห็นด้วยจะต้องมีเสียงเห็นชอบทำประชามติเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง ขอยืนยันว่า สว.ไม่มีเกมการเมืองในการยื้อแก้รัฐธรรมนูญ

สว.ทุกคนมีอิสระในการคิด เลือกไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง การระบุว่า หากกฎหมายประชามติ ต้องยื้อการบังคับใช้ออกไป 180 วัน อาจมีรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 นั้น ถามว่า ใครเป็นผู้กำหนดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นปี 2570 และถ้าใช้รัฐธรรมนูญใหม่ไม่ทันจริง ๆ จะมีผลกระทบอะไรต่อประชาชน ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องรอง

ส่วนการระบุว่า การใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น เป็นการรณรงค์ให้คนนอนหลับทับสิทธินั้น ไม่เชื่อว่า จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนนอนหลับทับสิทธิ ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้แน่เพราะบ่งบอกความไม่เป็นประชาธิปไตย สว.ไม่ต้องการ พ.ร.บ.ประชามติ ที่ดีที่สุด แต่ต้องการได้ พ.ร.บ.ประชามติที่ยืดหยุ่น สามารถนำไปใช้ได้ทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ เสียงข้างมาก 2 ชั้น จะใช้เฉพาะกรณีแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว

ทั้งนี้ เนื้อหาที่กรรมาธิการร่วมกัน 2 สภาฯ มีมติเห็นชอบการทำประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ชั้นที่ 1 จะต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง ชั้นที่ 2 คือ ผลการออกเสียงจะต้องมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในการทำประชามตินั้น

ส่วนสภาฯจะพิจารณาในวาระการประชุมวันพุธที่ 18 ธ.ค.นี้ หากสภาฯ เห็นแย้งกับรายงานของกรรมาธิการร่วม 2 สภาฯ ก็จะทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกยับยั้งเป็นเวลา 180 วัน สภาผู้แทนราษฎรถึงจะสามารถหยิบยกมาพิจารณาได้ใหม่

อ่านข่าว : มติสภาฯ เห็นต่าง สว.เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ทำประชามติ

"นันทนา" ค้านประชามติ 2 ชั้น หวั่นบิดเบือนเจตจำนงประชาชน 

กมธ.ร่วมฯประชามติ ส่งรายงานให้ 2 สภาฯ พิจารณา