วันนี้ (16 ธ.ค. 67) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 5/2567 โดยมี ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กองทัพเรือ เป็นต้น
พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ รศ.สายสุนีย์ พุทธาคุณเจริญ ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้า นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ และนายชยันต์ ศิริมาศ
เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศจากฝน One Map พบว่า ในช่วง 1-2 วันนี้ (วันที่ 16-17 ธ.ค.2567) บริเวณพื้นที่ภาคใต้จะยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และจากปริมาณฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้อีก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
หลังจากนั้นช่วงวันที่ 18-22 ธ.ค.2567 ปริมาณฝนจะมีแนวโน้มลดน้อยลง ทั้งนี้ การคาดการณ์ฝนภาพรวมในพื้นที่ภาคใต้ช่วงเดือน ธ.ค.67 - ม.ค.68 จะยังคงมีแนวโน้มมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ
ดังนั้นจะยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยได้กำชับให้กรมชลประทานเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 17 แห่ง ที่มีความจุเกิน 80 % เช่น อ่างเก็บน้ำคลองกะทูน จ.นครศรีธรรมราช, อ่างเก็บน้ำคลองดินแดง จ.นครศรีธรรมราช, อ่างเก็บน้ำคลองป่าบอน จ.พัทลุง, อ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง จ.พัทลุง, อ่างเก็บน้ำคลองสวนหนัง จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อปรับแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งอ่างเก็บน้ำของกรมทรัพยากรน้ำที่มีการถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้ว ต้องเร่งสำรวจความพร้อมและความปลอดภัยให้มีสภาพพร้อมใช้งาน
ในส่วนอ่างเก็บน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ได้แจ้งปิดการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 16-26 ธ.ค.2567 เพื่อบรรเทาผลกระทบน้ำท่วมให้กับประชาชน
ส่วนอ่างเก็บน้ำบางลาง จ.ยะลา ปัจจุบันมีน้ำใช้การ 83 % ซึ่งยังคงอัตราการระบายน้ำที่ 18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เนื่องจากระดับน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมสูงสุดแล้ว (URL) เพื่อเตรียมพื้นที่รองรับน้ำช่วงปลายปี และจะมีการปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อลดผลกระทบให้น้อยที่สุด
เลขาธิการ สทนช.กล่าวต่อว่า เนื่องจากระบบการแจ้งเตือนในเชิงพื้นที่ อาจจะยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ จึงต้องเตรียมทบทวนกลไกในการแจ้งเตือนภัย ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น ที่ประชุมในวันนี้ จึงได้เสนอให้คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุดนี้ ร่วมกันถอดบทเรียนการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการแจ้งเตือนภัย เพื่อเสนอให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาสำหรับการปรับปรุงการทำงานในปีหน้าด้วย
อ่านข่าว : “นครศรีฯ” เตือนรับน้ำระลอกใหม่ เข้าตัวเมืองคืนนี้ ป้องกัน "รพ.มหาราช" สุดกำลัง