เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 สำนักข่าว NEWS ประเทศออสเตรเลีย หยิบยกเรื่องราวชวนปวดหัวปนความน่าเอ็นดูที่เกิดขึ้นบนเกาะพีพี จ.กระบี่ ประเทศไทย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวสาวชาวออสเตรเลียและเยอรมนีที่หมดสติจากการดื่มแอลกอฮอล์จนเมาไม่ได้สติ กลับที่พักด้วยรถเข็น
สองสาววัย 19 และ 23 ปี เดินทางมาท่องเที่ยวบนเกาะพีพีเพื่อสัมผัสชีวิตยามค่ำคืนที่แสนสนุกสนาน แต่กลับจบค่ำคืนด้วยการหมดสติกลางถนนที่แสนคึกคัก เพื่อนนักท่องเที่ยวคนอื่นพยายามปลุกเธอทั้งสอง แต่ไม่เป็นผล จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเข้ามาช่วยเหลือ
คุณพ่อลูก 3 กับภารกิจ "รถเข็นส่งนางฟ้า"
เพราะถนนบนเกาะพีพีมีขนาดเล็กเกินกว่าจะใช้รถยนต์ได้ จึงเป็นสาเหตุให้ ด.ต.เสน่ห์ เจือละออง ผบ.หมู่ สส.สภ.เกาะพีพี เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เป็นคุณพ่อลูกสาว 3 คน ต้องตัดสินใจเลือกใช้ "รถเข็นผัก" จากร้านค้าใกล้เคียง เป็นพาหนะบรรทุก 2 สาวต่างชาติกลับไปยังที่พัก
คลิปวิดีโอที่ถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล แสดงให้เห็น ด.ต.เสน่ห์ กำลังเข็นรถเข็นที่มี 2 สาวนอนหมดสติอยู่บนถนนแคบ ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะและความประทับใจของผู้พบเห็น ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
เมื่อถึงที่พัก เพื่อนของนักท่องเที่ยวช่วยกันนำตัวเธอทั้ง 2 ขึ้นเตียง 2 ชั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยจะช่วยห่มผ้าให้อย่างอ่อนโยน
ผมรู้ว่าการเป็นพ่อมันเป็นยังไง และเราต่างห่วงลูกสาวของเรา ผมแค่อยากให้แน่ใจว่าพวกเขาจะกลับถึงเตียงอย่างปลอดภัย
ด.ต.เสน่ห์ เพิ่มเติมว่าในสภาพของคนที่เมาหนักจนไม่สามารถพูดหรือยืนได้ อาจเกิดอันตรายต่อตัวเขาได้ เช่น ตกทะเล หรือตกบันได
ด้านผู้กำกับการสถานีตำรวจเกาะพีพี พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ใจดี กล่าวเสริมว่า การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเมาเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำมานานกว่า 2 ปีแล้ว ตามแนวทางไว้ในโครงการ You drink i drive เพราะรู้ว่านักท่องเที่ยวมาที่เกาะพีพีเพื่อความสนุกสนาน ทางเจ้าหน้าที่ไม่อยากลงโทษพวกเขา แต่เราเลือกที่จะช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยให้พวกเขา
นอกจากนี้ บนเกาะพีพี ยังมีมาตรการให้ร้านค้าบนเกาะ ใช้เครื่องเป่าลมหายใจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของลูกค้า หวังลดอุบัติเหตุและปัญหาจากการดื่มเกินขนาด
แม้เหตุการณ์นี้จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ก็สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้กับผู้พบเห็น อีกทั้งยังสะท้อนถึงความใส่ใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มองนักท่องเที่ยวเหมือนคนในครอบครัว ด.ต.เสน่ห์ ปิดท้ายด้วยคำพูดเรียบง่ายปนความซาบซึ้ง
ผมแค่อยากให้พวกเขากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ทั้งที่นี่และที่บ้านเกิดของพวกเขา
อ่านข่าวอื่น :
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ? กฎอัยการศึกฉีกหน้าประชาธิปไตยเกาหลีใต้