"ทักษิณ" คิด "แพทองธาร" ทำ : เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

เศรษฐกิจ
13 ก.ย. 67
19:17
570
Logo Thai PBS
"ทักษิณ" คิด "แพทองธาร" ทำ : เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

หวยใต้ดิน บ่อนลอยฟ้า มวยตู้ พนันออนไลน์ เสี้ยวหนึ่งของเศรษฐกิจนอกระบบที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน จากเงินเดิมพัน - สู่เงินสะพัด ยังธุรกิจสีเทาอื่น ๆ ส่งผลให้ไทยกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ติดอันดับโลก มูลค่าสูงถึง 8.7 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 48.4 ของจีดีพีประเทศ

หากนำความมั่งคั่งของเศรษฐกิจนอกระบบ ขึ้นมาบริหารจัดการบนดินอย่างถูกกฎหมาย จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว มีระบบขนส่งทันสมัย โครงการรถไฟความเร็วสูง 32 เส้นทางทั่วประเทศ สร้างโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ทันสมัยครอบคลุมทั่วประเทศ 483 แห่ง และมีโรงเรียนขนาดกลางใกล้บ้านสำหรับเด็ก ๆ ได้ถึง 669,000 แห่ง

ยิ่งรวมกับขนาดเศรษฐกิจปัจจุบัน 17 ล้านล้านบาท ไทยจะก้าวขึ้นเป็นประเทศ ที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงถึง 25.7 ล้านล้านบาท หรือ คนไทย จะมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น จากเฉลี่ย 250,000 บาท เป็น 390,000 บาทต่อคนต่อปี

ทักษิณ คิด เศรษฐา ทำ แพทองธาร สานต่อ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2546 ยุค "ไทยรักไทย" ภายใต้การนำ ของ ทักษิณ ชินวัตร เคยมีแนวคิดดึงเงินนอกระบบจากหวยใต้ดินสู่ "หวย 2 ตัว 3 ตัว" ซื้อแบบที่ชอบได้ไม่อั้นรัฐเป็นเจ้ามือ ผลคือ รัฐขาดทุนไป 7 งวด จากการออกรางวัลทั้งหมด 80 งวด คิดเป็นเงินกว่า 1,600 ล้านบาท แต่กวาดเงินหวยใต้ดินเข้ารัฐได้ 2 แสนล้านบาท

เงินจำนวนนี้ไม่ได้ถูกนำส่งเข้าคลัง แต่นำไปจัดสรร แจกเป็นทุนการศึกษาลูกผู้มีรายได้น้อย 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา ส่งเด็กไทยศึกษาต่อต่างประเทศก็มี รวม 48 โครงการ คิดเป็นเงินมากกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท ที่รัฐสามารถดึงเงินนอกระบบมาใช้ประโยชน์ได้

เพียงช่วงเวลา 1 ปี ของนายกฯ เศรษฐา 1 ในผลงานเด่น คือ การรับจบทำหวย 2 ตัว 3 ตัว สมัยคุณทักษิณ กลับมาในชื่อใหม่ว่า สลากฯ N3 แก้กฎหมายรองรับปิดช่องโหว่ที่เคยเป็นเหตุให้แผนนำเงินหวยใต้ดิน สะดุดกลับลงไปอยู่ใต้ดินได้อีกครั้ง แม้นายกฯ เศรษฐา โบกมือลาไปแล้ว แต่สลาก N3 ยังอยู่ และพร้อมทดลองขายครั้งแรกในยุค นายกฯ แพทองธาร งวดเดือน ต.ค.นี้

เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดึงเงินใต้ดิน - ดึงเงินต่างชาติ

ไม่เพียงหวยใต้ดินที่ดึงขึ้นมารอแล้ว รัฐจะเดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดึงเงินเศรษฐกิจนอกระบบขึ้นมาอยู่บนดิน ซึ่งไม่ใช่แค่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ให้ถูกกฎหมาย แต่กวาดต้อนเงินนอกระบบภาษีเข้ามา ออนท็อปจีดีพีไทย จะมีการเปิดประมูลใบอนุญาตสัมปทาน พร้อมโชว์แพ็กเกจ ตั้งทำเลในเมือง ต้องมีเงินลงทุน 1 แสนล้านบาทขึ้นไป ระดับภูมิภาค 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป และระดับท้องถิ่น 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

มีการคำนวณเบื้องต้นว่า ถ้าประเทศไทยมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเก็บภาษีปีแรกได้เพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อทักษิณ คิด แพทองธารทำ โครงการนี้จึงถูกบรรจุเป็น 1 ในนโยบายรัฐบาล ที่จะแถลงต่อรัฐสภา

แค่โชว์แพ็กเกจยังไม่ทันเปิดขาย ลูกค้ากระเป๋าหนักก็ถือกระเป๋าพร้อมเซ็นต์สัญญาแล้ว ประเดิมด้วย ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศจะลงทุน 2 แสนล้านบาท ล็อกเป้าอยากได้ "ท่าเรือคลองเตย" รวมถึงนายทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ก็อยากแจมด้วย เช่น บริษัทกรุงเทพการบิน กลุ่มเซ็นทรัล และสยามภิวัฒน์ ก็กำลังจับจ้องโครงการนี้อยู่

ได้คุ้มเสียหรือ เดิมพัน "พังสังคมไทย"

เงินลงทุนและเม็ดเงินสะพัด ที่จะเกิดจากการนำเศรษฐกิจนอกระบบขึ้นมาอยู่บนดิน พร้อมกับเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ดูเหมือนจะช่วยปลุกเศรษฐกิจไทยให้สดใสคึกคักได้อีกครั้ง แต่งานวิจัยหลายฉบับบอกว่าอาจได้ไม่คุ้มเสีย

รายงานผลกระทบจากธุรกิจกาสิโน เช่น ศ.เอิร์ล ไกรโนลลส์ ของสหรัฐฯ ระบุว่า เงิน 1 ดอลลาร์ที่ได้มาจากภาษีกาสิโน แต่รัฐต้องเสียงบประมาณในการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากกาสิโน ถึง 3 ดอลลาร์ฯ เท่ากับได้ไม่คุ้มเสียเลย

งานวิจัยของต่างประเทศอาจขาดบริบทของไทย แต่ นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล อดีตนักวิจัยประจำศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่สะสมในระบบเศรษฐกิจไทย ทำให้โครงการลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจไม่ได้สร้างเม็ดเงินสะพัดให้ถึงมือคนไทยได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างที่วาดฝัน

ในช่วงแรกอาจมีเงินลงทุน เกิดการจ้างงาน เมื่อสร้างเสร็จ เปิดให้บริการจริง ก็ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่า จะดีกับการท่องเที่ยวจริง หรือ ก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ได้หรือไม่ เพราะโจทย์ใหญ่ของเรื่องนี้ คือ การกำกับดูแล ควบคุมที่ดี และเกรงว่า หากเปิดให้บริการกาสิโนไปแล้ว ยอดน้อย ผู้ลงทุน นำส่งรายได้เข้ารัฐ ไม่ได้ ตามเป้าอาจจะนำไปสู่การลดเงื่อนไข และมีการโฆษณาเกิดขึ้น และจะสร้างปัญหาสังคม เพิ่มเหตุก่ออาชญากรรม ชนิดที่ยากจะควบคุม

ในขณะที่ รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิตกว่า ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ต่างอะไรกับการ "ตีเช็คเปล่า" เพราะอำนาจอยู่ซุปเปอร์บอร์ดจัดการทั้งหมด โดยไม่มีส่วนจากภาคประชาสังคมและภาควิชาการในการเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุลได้เลย

แม้ว่าโครงการนี้ รัฐบาลพยายามชูภาพเป็นโครงการขนาดใหญ่ เงินลงทุนมหาศาล ต่างชาติให้ความสนใจ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ลงทุนประมูลสัมปทานพัฒนาพื้นที่ขนาดเล็กได้ ซึ่งหากไปตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชนผู้ใช้บริการก็เป็นคนไทยกันเอง ต่อให้รัฐบาลขายบัตรคัดคนเข้าใช้บริการ แต่ก็ไม่ใช่การันตีว่า รัฐควบคุมทุกอย่างได้

ยกกรณีศึกษาในเมาเก๊า ที่คนไทยหลายคนนิยมเดินทางไปเสี่ยงโชคกันที่นั่น แต่คนที่จะอยู่ในกาสิโนนั้น ส่วนใหญ่กลับเป็นชาวฮ่องกง มาเก๊า มากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องความชัดเจนของการบริหารจัดการเงินรายได้ส่วนนี้จะทำอย่างไรให้ทำประโยชน์สังคม ไม่นำไปใช้หว่านหาเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

อ่านข่าว : สนามรบ "ธรรมนัส-ลุงบ้านป่า" สงครามยังไม่จบ นับศพ (ใคร)ไม่ได้

25 ก.ย.กดปุ่มดิจิทัลวอลเล็ต 14.5 ล้านคน เฟส 2 รอก่อน

"ไพบูลย์" เล็งฟ้องหมิ่นฯ "ดนัย-MCOT" เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน ปมคลิปเสียง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง