- ถ่ายทอดสด "ครม.แพทองธาร" แถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันแรก 12 ก.ย.
- "แพทองธาร" พร้อมเริ่มภารกิจแรกช่วยน้ำท่วม หากมีอำนาจเต็มพรุ่งนี้
วันนี้ (12 ก.ย.2567) การแถลงนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31
ตามที่ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ดิฉันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ส.ค.2567 และแต่งตั้งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2567 นั้น
คณะรัฐมนตรีได้กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินที่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความสอดคล้องกับหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ และหมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ตลอดจนยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561-2580) เรียบร้อยแล้ว
คณะรัฐมนตรีจึงแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ทราบถึงเจตนารมณ์ ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคี ปรองดอง ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือกันในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยทุกคน
ขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายอยู่หลายประการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่เติบโตน้อยกว่าศักยภาพจริง ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงขึ้นทุกทีปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคมและการเมืองทั้งหมดนี้คือ "ความท้าทาย" ซึ่งประเทศไทยมีพื้นฐานศักยภาพที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อมองไปข้างหน้ายังต้องเผชิญความท้าทายอีกหลายประการ ได้แก่
1.ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย
2.การเข้าสู่สังคมสูงวัยที่เร็วกว่าระดับการพัฒนาประเทศและเร็วกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
3.ความมั่นคง ปลอดภัยของสังคมถูกคุกคามจากการแพร่ระบาดของยาเสพติด
4.SMEs กำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง และสัดส่วนหนี้เสีย ต่อสินเชื่อรวมของ SMEs เพิ่มสูงขึ้น
5.ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดั้งเดิมไทยโดยเฉพาะ SMEs ยังไม่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
6.สภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ส่งผลกระทบภาคเกษตรกรรม-ท่องเที่ยว
7.ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองมาอย่างยาวนานอันเป็นผลจากการรัฐประหาร ส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน
8.ระบบรัฐราชการแบบรวมศูนย์และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ไม่เต็มที่
9.สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป การแบ่งฝ่ายแยกขั้วระหว่างประเทศมหาอำนาจและประเทศต่าง ๆ การกีดกันทางการค้า
ทั้งนี้คำแถลงนโยบายของรัฐบาลมีสาระสำคัญระบุถึงเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองการของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่ง 10 นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที ได้แก่
นโยบายที่ 1 ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
นโยบายที่ 2 ส่งเสริม SME
นโยบายที่ 3 ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค
นโยบายที่ 4 สร้างรายได้ใหม่นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี
นโยบายที่ 5 กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นโยบายที่ 6 ยกระดับการทำเกษตรเป็นเกษตรทันสมัย
นโยบายที่ 7 ส่งเสริมการท่องเที่ยว
นโยบายที่ 8 แก้ไขปัญหายาเสพติด
นโยบายที่ 9 เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรม
นโยบายที่ 10 ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม
ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องในระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลจะต่อยอดการพัฒนาของภาคการผลิตและการบริการ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อวางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศในอนาคต โดยปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจ (Industry Transformaton) และพัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ (New Growth Engine) ที่จะปูพื้นฐานให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของความต้องการของผู้บริโภคด้วยการใช้เทคโนโลยี เพื่อเร่งให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางโดยเร็ว และพัฒนาบทบาทให้เป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก
อ่านข่าว :
มติ 3 วิปเคาะแถลงนโยบาย 29 ชม.ให้ ครม. 6 ชม. ฝ่ายค้าน 13 ชม.
โปรดเกล้าฯ ครม.แพทองธาร ไม่พลิกโผ "ภูมิธรรม" รองนายกฯ ควบ กห.
"แพทองธาร" รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ คนที่ 31